ยอดขายปลีกสหรัฐฯ จะกระทบตลาดฟอเร็กซ์อย่างไร

โดย Kathy Lien กรรมการผู้จัดการด้านกลยุทธ์ฟอเร็กซ์จาก BK Asset Management

ภาพรวมตลาดฟอเร็กซ์ประจำวันที่ 13 มิถุนายน 2019

รายงานตัวเลข ยอดขายปลีก เป็นหนึ่งในข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสัปดาห์นี้ การประชุมที่จะจัดขึ้นในสัปดาห์หน้า ของธนาคารกลางสหรัฐฯ รวมทั้งตัวเลขยอดขายปลีกจะมีบทบาทสำคัญต่อการกำหนดทิศทางต่อไปในอนาคตของธนาคารกลาง นักเศรษฐศาสตร์หลายรายคาดว่ายอดการใช้จ่ายจะเพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิม แต่ก็มีอีกหลายปัจจัยที่จะทำให้ตัวเลขนั้นไปไม่ถึงเป้าได้ โดยปัจจัยที่สำคัญที่สุดอยู่ที่ตัวเลขทางด้านตลาดแรงงานซึ่งค่อนข้างชะลอตัวซึ่งเป็นไปตาม ตัวเลขตำแหน่งงานว่าง ของเดือนที่ผ่านมา การปรับเพิ่มค่าแรง ก็มีอัตราที่ลดลง ราคาแก๊สถูกลง รวมทั้งหุ้นที่ปรับตัวลดลง 6% ในช่วงเดือนพฤษภาคมต่างก็เป็นสาเหตุให้ผู้บริโภคไม่กล้าที่จะจับจ่ายใช้สอยในเดือนที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าตลาดหุ้นจะมีการปรับตัวขึ้นทำลายสถิติได้หรือมี อัตราการว่างงาน น้อยเท่าใดก็ตาม อเมริกาก็ยังไม่รู้สึกว่าตนเองร่ำรวยแต่อย่างใด ยอดขายปลีกตลอดทั้งปี 2018 มีอยู่เพียงเบาบางและยังคงติดลบในเดือนธันวาคม และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมายอดการใช้จ่ายมีปริมาณลดลง 3 เดือนจากทั้งหมด 5 เดือนที่ผ่านมา นายพาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ พยายามที่จะออกรับเพื่อยืนยันว่าเศรษฐกิจยังคงเติบโตได้ แต่คำพูดหนึ่งที่ว่าธนาคารกลางจะ “ดำเนินการตามความเหมาะสมเพื่อให้เกิดการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน” เป็นสัญญาณหนึ่งที่บอกว่ายังมีความกังวลอยู่ และหากว่ารายงานตัวเลขยอดขายปลีกที่จะประกาศออกมาในวันพรุ่งนี้ไม่เป็นไปตามเป้า ก็อาจส่งผลกระทบกับตลาดฟอเร็กซ์และทำให้ค่าเงิน ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวลดลงไปเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นๆ โดยทั่วไป วันศุกร์มักจะเป็นวันที่มีการซื้อขายสกุลเงินต่างๆ กันอย่างคึกคัก รวมทั้งการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วยนั้น เราอาจจะเห็นการปรับตัวครั้งใหญ่ของเงินดอลลาร์ได้ การซื้อขาย USD/JPY ที่มีอยู่ในช่วงแคบๆ ในเดือนนี้อาจเกิดการทะลุกรอบไปได้ยาวนานขึ้นจากรายงานยอดขายปลีกที่กำลังจะประกาศออกมานี้ก็ได้

ในขณะเดียวกันก็เริ่มมีสัญญาณว่าเงิน ยูโร กำลังจะขึ้นทำจุด top ในระยะสั้นได้ หลังจากที่ปรับตัวขึ้นไปอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนได้เกือบทั้งสัปดาห์ EUR/USD ก็ร่วงลงไปอยู่ต่ำกว่า 1.13 ในวันพุธ และในวันพฤหัสบดีก็ยังซื้อขายกันที่ราคาต่ำกว่าระดับนี้ตลอดทั้งวัน อุตสาหกรรมการผลิต ของยูโรโซนอ่อนค่าลงตามที่มีการคาดหมายไว้ แต่นักลงทุนยังคงมีความกังวลกับการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ขู่ที่จะใช้มาตรการคว่ำบาตรกับเยอรมนี ซึ่งยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะดำเนินการต่อในเรื่องนี้อย่างไร แต่ทรัมป์ได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่าปัญหาเรื่องท่อส่งน้ำมันระหว่างเยอรมนีกับรัสเซียงั้น “เยอรมนีจะกลายเป็นตัวประกันของรัสเซีย หากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังคงย่ำแย่อยู่ต่อไปเช่นนี้” หลายประเทศกังวลว่าหากเยอรมนียังใช้ท่อส่งน้ำมันดังกล่าวต่อไป จะเป็นการง่ายต่อรัสเซียที่จะสามารถตัดท่อส่งพลังงานไปยังยูเครนหรือสร้างแรงกดดันไปยังกลุ่มประเทศยุโรปตะวันตกได้ ทรัมป์ยังขู่ว่าจะตัดกำลังสนับสนุนทางทหารเพราะ “เราต้องการปกป้องเยอรมนีจากรัสเซีย เนื่องจากรัสเซียได้รับเงินจากเยอรมนีไปเป็นจำนวนมากเกินไปแล้ว” ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับยุโรปที่เริ่มเสื่อมคลายลงน่าจะไม่ส่งผลดีกับเงินยูโรเท่าใดนัก แต่ก็ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าสหรัฐฯ จะเอาจริงกับการใช้มาตรการคว่ำบาตรกับเยอรมนีมากเพียงใด

ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สกุลเงิน 3 สกุลที่มักจะเป็นไปตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ก็ยังคงมีการซื้อขายกันอยู่ที่ระดับต่ำกว่าเดิม โดยเงิน ดอลลาร์ออสเตรเลีย ปรับลดลงไปต่ำที่สุด นายบอริส ชลอสเบิร์ก รายงานว่า “ข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจของออสเตรเลียที่ประกาศออกมาในวันนี้ปรับตัวดีขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ค่อนข้างมาก แต่การเทขายดอลลาร์ออสเตรเลียเกิดจากกระแสข่าวว่าความต้องการทางด้านตลาดแรงงานยังคงมีการชะลอตัวอยู่ จำนวนตำแหน่งงานที่รายงานออกมามีถึง 42,000 ตำแหน่งเมื่อเทียบกับจำนวนที่คาดการณ์ไว้เพียง 16,000 ตำแหน่ง จำนวนที่เกินมามากนั้นส่วนใหญ่เป็นงานพาร์ทไทม์ที่ไม่ค่อยมีความสำคัญ ส่วนงานเต็มเวลานั้นขยายตัวขึ้นได้ประมาณ 2,000 ตำแหน่งในช่วงเดือนพฤษภาคม ข่าวนี้จึงทำให้ตลาดค่อนข้างผิดหวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทราบว่าอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นจาก 5.1% เป็น 5.2% นักลงทุนจึงคาดการณ์ว่าธนาคารกลางออสเตรเลียอาจจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกครั้งในเดือนสิงหาคมเพื่อไม่ให้ความต้องการตลาดแรงงานลดลงไปมากกว่านี้ แม้ว่าจะมีความตึงเครียดในด้านสงครามทางการค้าที่ส่งผลกระทบกับทั่วโลกรวมทั้งการส่งออกของออสเตรเลียอยู่ในขณะนี้ ประเทศออสเตรเลียก็ยังคงมีความต้องการด้านตลาดแรงงานที่ค่อนข้างสูงมาก แต่จากรายงานที่ประกาศออกมาวันนี้ชี้ว่ากลไกในตลาดแรงงานอาจกำลังเข้าสู่ช่วงวิกฤติ เนื่องจากสภาวะความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่เพิ่มสูงขึ้นจะเริ่มส่งผลกระทบรุนแรงกับการลงทุนและความมั่นใจในภาคธุรกิจ” เมื่อหันไปมองเงิน ดอลลาร์นิวซีแลนด์ กับรายงานตัวเลข ดัชนี PMI ภาคการผลิตของนิวซีแลนด์ ที่จะประกาศออกมาให้ทราบในคืนนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ย ของธนาคารกลางเมื่อเร็วๆ นี้ น่าจะทำให้เศรษฐกิจของออสเตรเลียและจีนเกิดการชะลอตัวลงไปพร้อมๆ กับราคาผลิตภัณฑ์จากนม ซึ่งก็จะส่งผลเสียต่อ NZD/USD เช่นกัน