-
ตลาดซื้อขายล่วงหน้าของสหรัฐฯ รวมทั้งตลาดหุ้นยุโรปยังชะลอตัวเพื่อติดตามสถานการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง
-
ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวเพิ่มขึ้นก่อนการประชุมเฟด
-
ราคาน้ำมันยังปรับตัวลดลงเนื่องจากมีความต้องการที่ลดน้อยลงเนื่องจากปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง
เหตุการณ์สำคัญ
ดัชนี S&P 500, Dow และ NASDAQ 100 ของตลาดซื้อขายล่วงหน้าสหรัฐฯ รวมทั้งตลาดหุ้นยุโรปเปิดสัปดาห์มาได้ค่อนข้างดี โดยปรับตัวสูงขึ้นกว่าวันศุกร์ได้เล็กน้อย ในช่วงสัปดาห์ก่อนที่จะมีตัวแปรสำคัญหลายอย่างเกิดขึ้นอีก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องสงครามการค้าที่ยังยืดเยื้อ การตัดสินใจครั้งสำคัญของธนาคารกลาง และความตึงเครียดที่ยังคงระอุในตะวันออกกลาง
ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวสูงขึ้นได้เล็กน้อย โดยมีหุ้นกลุ่มธนาคารซึ่งรวมถึง Deutsche Bank (DE:DBKGn) ที่ปรับตัวขึ้นได้มากที่สุด อย่างไรก็ตามราคาของ หุ้นสายการบินเริ่มอ่อนแรง ทำให้ช่วงสายวันนี้ที่ยุโรปมีการปรับตัวลดลงต่ำกว่าระดับปกติที่ควรเป็น หลังจากที่มีการเปิดเผย ข้อมูลการคาดการณ์ที่ปรับลดลง ของบริษัท Deutsche Lufthansa (DE:LHAG) จากเยอรมนีออกมาให้นักลงทุนได้ทราบ
ในช่วงแรกของการซื้อขายในตลาดเอเชีย ดัชนียังคงลอยอยู่เหนือค่าต่ำสุดประจำสัปดาห์อยู่เล็กน้อย แต่เริ่มที่จะปรับตัวสูงขึ้นหลังจากที่นางแคร์รี่ แลม ผู้ว่าการสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกงได้ออกมากล่าวขอโทษเกี่ยวกับกฎหมายการส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่ทำให้เกิดความไม่พอใจกับหลายฝ่ายจนทำให้เกิดการเดินขบวนประท้วงของประชาชนถึงเกือบ 2 ล้านคนและรัฐบาลจะต้องออกมาจัดการนั้น การเดินขบวนดังกล่าวทำให้ดัชนี ฮั่งเส็ง ปรับตัวสูงขึ้น 1.4% จนขึ้นไปปิดในแดนบวกได้ 0.40% อย่างไรก็ตามความต้องการที่จะ เรียกร้องให้นางแลมลาออก จากตำแหน่งเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ
ตลาดการเงินทั่วโลก
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตลาดต่ำลงกว่าเดิมหลังจากที่มีการประกาศตัวเลข ยอดขายปลีก ที่ดีเกินคาดซึ่งทำให้นักลงทุนกลับมาเกิดความสงสัยในเรื่องข้อสรุปของมาตรการ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งนับเป็นอีกครั้งหนึ่งที่นักลงทุนมีความสนใจในปัจจัยระยะสั้นมากกว่าปัจจัยในการช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวในระยะยาว
นักลงทุนต่างก็มีสมมุติฐานเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ว่าเป็นการคาดการณ์ที่เชื่อถือได้มากเพียงใด? ตัวเลขยอดขายปลีกที่ดีขึ้นมากของวันศุกร์ซึ่งมากถึง 2 ใน 3 ของค่าจีดีพี แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยังมีกำลังซื้อเพียงพอที่จะผลักดันให้เกิดการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจต่อไปได้โดยไม่จำเป็นที่จะต้องใช้นโยบายลดอัตราดอกเบี้ย
ตลาดหลักทรัพย์หลายแห่งยังคงมีความผันผวนจากปัจจัยหลายด้านในสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นความตึงเครียดทางด้านสงครามการค้าที่ยังมีความรุนแรง ประกอบกับการคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง ซึ่งไม่เป็นผลดีกับทั้ง ตลาดหุ้นและพันธบัตรรัฐบาล
อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุ 10 ปี ยังคงปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่องเป็นวันที่สองนับตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา ในขณะที่ตราสารหนี้ของรัฐบาลฝั่งยุโรปยังมีทิศทางไม่แน่นอนในช่วงก่อนที่จะมีการประชุม ธนาคารกลาง, ธนาคารกลางญี่ปุ่น และ ธนาคารกลางอังกฤษ แต่โดยรวมแล้วตลาดพันธบัตรทำผลงานได้ดีกว่าตลาดหุ้นทั่วโลกในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา
ในขณะเดียวกัน ปัญหาความตึงเครียดทางด้านภูมิศาสตร์การเมืองก็ยังคงปะทุขึ้นอย่างรวดเร็ว ในส่วนของการเจรจาทางการค้านั้น นายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ไม่ คาดหวังว่าจะมีการบรรลุข้อตกลงทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ได้ แม้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงจะเดินทางไปเข้าร่วมการประชุม G-20 ด้วยกันที่กรุงโอซาก้าในเดือนนี้ก็ตาม
ส่วนทางฝั่งของตะวันออกกลาง นายทอม คอตตอนจากพรรครีพับลิกันได้พยายาม เรียกร้อง ให้ทรัมป์ออกคำสั่งให้ใช้กำลังทหารเข้าโจมตีอิหร่านหลังจากที่มีเหตุการณ์โจมตีเรือบรรทุกน้ำมันล่าสุดในอ่าวโอมาน ในขณะเดียวกัน นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ รับปาก ว่าสหรัฐฯ จะพยายามปกป้องการขนส่งน้ำมันให้ปลอดภัยโดยการส่งเรือรบเข้าไปประจำในพื้นที่ ซึ่งอิหร่านถือว่าเป็น “สงครามจิตวิทยา”
ซาอุดิอาระเบียยังคง กล่าวโทษ ว่าเป็นฝีมือของอิหร่าน หลังจากที่มีการใช้จรวดขีปนาวุธโจมตีสนามบินอับฮาเมื่อวันพุธที่ผ่านมา แถลงการณ์ของซาอุดิอาระเบียมีขึ้นหลังจากที่มี การคุกคาม เพื่อปิด ช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือบรรทุกน้ำมันสายหลักของโลกที่เชื่อมต่อกับประเทศผู้ผลิตน้ำมันดิบในตะวันออกกลางและมีการขนส่งน้ำมันดิบในแต่ละวันถึง 19 ล้านบาร์เรลซึ่งถือเป็นปริมาณการส่งออกที่มากเป็นอันดับ 5 ของโลก เมื่อพิจารณาตามข้อกฎหมายระหว่างประเทศ การปิดช่องแคบฮอร์มุซถือได้ว่าเป็นการก่อสงครามอย่างหนึ่ง นอกจากนี้ หากเกิดความปัญหาใดๆ ขึ้นในพื้นที่บริเวณนี้มักจะทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก อิหร่านได้เปิด แถลงการณ์ ว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวขึ้นไปเกิน $100 หากมีการทำสงครามในอ่าวเปอร์เซียเกิดขึ้น
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส เปิดตลาดโดยปรับตัวสูงขึ้น และมีแนวต้านอยู่ที่เส้นแนวโน้มขาลงนับตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา เมื่อไต่ระดับขึ้นไปอยู่ที่ $55 ก็จะสามารถทำรูปแบบ double bottom เล็กๆ ได้สมบูรณ์ แต่หากไปปิดอยู่ต่ำกว่า $50 อาจส่งสัญญาณว่าตลาดจะยังคงเป็นขาลงต่อไป เราเชื่อว่าราคาน่าจะยังคงที่ไปจนกว่าจะมีการตัดสินใจจากธนาคารกลางออกมาในวันพุธ ในภาพรวม นักวิเคราะห์เชื่อว่า การคาดการณ์ความต้องการที่ลดลง จะเป็นการควบคุมระดับราคาไม่ให้สูงขึ้นกว่านี้และจะเป็นการชดเชยการปรับขึ้นของราคาจากสถานการณ์ภาพรวมในขณะนี้ได้ส่วนหนึ่ง
สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป
-
ธนาคารกลางสหรัฐฯ ธนาคารกลางญี่ปุ่น และธนาคารกลางอังกฤษจะมีการประกาศใช้นโยบายทางการเงินในสัปดาห์นี้ พร้อมๆ กับธนาคารกลางในนอร์เวย์ บราซิล ไต้หวัน และอินโดนีเซีย
-
การประชุมของธนาคารกลางจะเริ่มขึ้นในวันอังคารโดยจะมีการตัดสินใจและ แถลงข่าว ออกมาให้ทราบในวันพุธ โดยมีการคาดการณ์ว่าน่าจะมีการประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อเป็นการป้องกันผลกระทบกับสภาพเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่จะได้รับจากข้อพิพาทข้อตกลงทางการค้าที่กำลังทวีความรุนแรง
-
จะมีการเลือกตั้งผู้สืบทอดตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของสหราชอาณาจักรแทนนางเทเรซ่า เมย์ในวันอังคาร
-
นอกจากนี้ยังจะมีการประกาศตัวเลขดัชนี CPI ของยูโรโซนออกมาในวันอังคารเช่นกัน