รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

J&J: ยังไม่น่าจะมีข่าวดีจนกว่าคดีความเรื่องโรคมะเร็งจะสิ้นสุด

โดยInvesting.com
ผู้เขียนHaris Anwar
เผยแพร่ 15/07/2562 13:34
อัพเดท 02/09/2563 13:05

* รายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ของปี 2019 มีกำหนดประกาศในวันอังคารที่ 16 กรกฎาคมก่อนเปิดตลาด

* รายได้ที่คาดการณ์: $20,290 ล้านเหรียญ

* คาดการณ์กำไรต่อหุ้น: $2.44

สำหรับนักลงทุนในหุ้น Johnson & Johnson (NYSE:JNJ) แล้ว ช่วงนี้ยังไม่น่าจะมีข่าวดีอะไรมากไปกว่านี้ จนกว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพสำหรับผู้บริโภคระดับโลกรายนี้จะพบทางออกในการยุติคดีความนับพันคดีที่อ้างว่าแป้งทัลคัมเป็นสาเหตุให้เกิดมะเร็งรังไข่ได้

สื่อบางแห่งประเมินว่ามีการฟ้องร้องในกรณีดังกล่าวถึง 14,000 ครั้งซึ่งส่งผลเสียต่อสภาพทางการเงินและชื่อเสียงของบริษัทนานาชาติผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ยารายนี้เป็นอย่างมาก เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หุ้นของบริษัทปรับตัวลดลงไป 4% หลังจากที่มี การรายงาน จากกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ ออกมาว่ากำลังสืบสวนว่าบริษัทมีการปิดบังข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงของแป้งทัลคัมที่จะเป็นสาเหตุของการทำให้เกิดโรคมะเร็งจริงหรือไม่

สำนักข่าว Bloomberg รายงานจากแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยว่า การสอบสวนทั้งทางอาญาและทางแพ่งกำลังดำเนินไปพร้อมๆ กันเพื่อหาสาเหตุของการเป็นมะเร็งของผู้ป่วยนับพันรายที่อ้างว่ามาจากการใช้แป้งเด็กของ J&J ขณะนี้คณะลูกขุนชุดใหญ่ในวอชิงตันกำลังตรวจสอบเอกสารต่างๆ ที่อาจบ่งชี้ว่าบริษัทพยายามปกปิดข้อมูลของสารก่อมะเร็งในผลิตภัณฑ์ของตน

เหตุการณ์การฟ้องร้องดังกล่าวที่เกิดขึ้นทำให้หุ้นของ J&J ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างหนักมาตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว แม้ว่าจะมีข่าวดีทางด้านตัวเลขผลประกอบการอยู่บ้างก็ตาม หุ้นของบริษัทเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดตลาดที่ระดับ $134.29 โดยมีการปรับขึ้นมาในปีนี้เพียง 5.5% ซึ่งถือว่ายังทำผลงานได้ต่ำกว่าดัชนี S&P 500 ซึ่งปรับตัวขึ้นได้มากกว่า 20% ในช่วงเวลาเดียวกัน

J&J price chart

สำหรับ ไตรมาส ล่าสุดที่สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าบริษัทน่าจะทำกำไรต่อหุ้นได้ $2.44 โดยมียอดขายอยู่ที่ 20,900 ล้านเหรียญ แม้ว่าผลิตภัณฑ์แป้งเด็กจะคิดเป็นสัดส่วนเพียงเล็กน้อยเท่านั้นของรายได้ทั้งหมดของบริษัท แต่ก็ถือเป็นผลิตภัณฑ์ยี่ห้อหลักที่อยู่คู่กับบริษัทมานานกว่าศตวรรษ และทำให้เกิดผลกระทบทางการเงินที่ค่อนข้างรุนแรงกับบริษัทเมื่อพิจารณาจากจำนวนเงินที่บริษัทอาจจำเป็นต้องใช้ในการจ่ายชดเชยสำหรับการเจรจายอมความนอกศาล

บริษัทชี้แจงว่าได้เตรียมเงินจำนวนหนึ่งไว้สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายทางคดีความในเรื่องแป้งทัลคัมแล้ว แต่ไม่ได้เปิดเผยจำนวนที่แน่นอนให้ทราบ สำนักข่าว Bloomberg คาดการณ์ว่าบริษัท J&J อาจจะต้องมีต้นทุนทั้งหมดในทางคดีแพ่งมากถึง 15,000 ล้านเหรียญ อย่างไรก็ตาม บริษัทยืนยันว่าจะไม่ต้องรับผิดชอบในค่าเสียหายใดๆ เนื่องจากผลิตภัณฑ์ของตนมีความปลอดภัยอย่างแน่นอน

ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของ J&J

หากไม่นำความเสี่ยงเรื่องคดีความต่างๆ มาพิจารณา บริษัท J&J ได้พิสูจน์ตัวเองว่ามีกิจการที่เข้มแข็งและสามารถทำเงินให้กับนักลงทุนได้ดีมาโดยตลอด โดยในช่วงไตรมาสแรกของปี การเติบโตอย่างรวดเร็วของหน่วยธุรกิจด้านยาของบริษัทเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างรายได้ชดเชยหน่วยธุรกิจสำหรับผู้บริโภคและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มียอดขายชะลอตัวลงได้เป็นอย่างดี

ธุรกิจทางด้านยาของบริษัท J&J เป็นหนึ่งในหน่วยธุรกิจหลักที่ใหญ่ที่สุดสามอันดับแรกของบริษัท โดยในไตรมาสแรก มียอดขายเพิ่มขึ้น 4.1% เป็นจำนวน 10,200 ล้านเหรียญ ซึ่งมียอดขายจากยา Stelara สำหรับใช้รักษาโรคสะเก็ดเงินมาช่วยไว้ค่อนข้างมากถึง 1,400 ล้านเหรียญที่เพิ่มขึ้นจากเดิม 32%

จุดเด่นอีกประการหนึ่งคือการเปิดตัวยาพ่นทางจมูกที่เรียกว่า Spravato ยาชาในกลุ่มเดียวกันกับคีตามีนที่ช่วยระงับอาการซึมเศร้าได้อย่างรวดเร็ว นางเจนนิเฟอร์ ทาวเบิร์ท หัวหน้าหน่วยธุรกิจยาของบริษัท เปิดเผยกับนักลงทุนผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ว่าการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ดังกล่าวถือว่า “ได้รับการตอบรับที่ดีมากๆ”

บทสรุป

หุ้นของบริษัท J&J อาจต้องอยู่ภายใต้แรงกดดันต่อไปอีกระยะหนึ่ง แต่ก็ไม่น่าจะปรับตัวลงไปทำจุดต่ำสุดในช่วงเวลาอันใกล้นี้ ในขณะเดียวกันเราเชื่อว่าบริษัทน่าจะมีหลักฐานเพียงพอที่จะต่อสู้ในชั้นศาลได้ ซึ่งก็ต้องยกความดีความชอบในด้านการป้องกันความเสี่ยงและความสามารถในการทำเงินของบริษัทด้วยเช่นกัน แต่คำถามต่อไปคือ เมื่อไหร่นักลงทุนจึงจะสามารถหันมาให้ความสำคัญกับผลประกอบการหลักของบริษัทแทนที่จะต้องกังวลกับความเสี่ยงทางด้านคดีความพวกนี้เสียที?

เราคิดว่าทุกอย่างน่าจะขึ้นอยู่กับว่าบริษัท J&J จะสามารถทำกำไรอย่างต่อเนื่องได้หรือไม่ รวมทั้งจะแสดงให้เห็นถึงการคาดการณ์ในอนาคตว่าจะพัฒนาต่อไปอย่างไรจากผลประกอบการที่จะประกาศออกมาให้ทราบในวันพรุ่งนี้

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย