-
ผลประกอบการของบริษัทประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2019 มีกำหนดที่จะประกาศให้ทราบในช่วงหลังปิดตลาดวันพุธที่ 7 สิงหาคมนี้
-
รายได้ที่คาดการณ์อยู่ที่ 223,860 ล้านเหรียญ
-
กำไรต่อหุ้นที่คาดการณ์ไว้อยู่ที่ $-0.23
สำหรับนักลงทุนที่กำลังมองหาหุ้นที่มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด หุ้นของ Roku (NASDAQ:ROKU) ถือเป็นหุ้นตัวหนึ่งที่น่าสนใจมากในปีนี้เลยทีเดียว เนื่องจากปัจจุบันหุ้นของ Roku ปรับตัวขึ้นไปแล้วราว 233% โดยไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากภาวะความตึงเครียดทางด้านสงครามการค้า ความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมหภาค หรือความผันผวนอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบกับหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเลย
แต่หุ้นของธุรกิจวิดีโอสตรีมมิงตัวนี้อาจตกอยู่ในความเสี่ยงอีกครั้งเมื่อมีการแถลง ผลประกอบการ ประจำไตรมาสที่ 2 ออกมาในช่วงหลังปิดตลาดของวันพุธที่จะถึงนี้ หุ้นของบริษัทปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมา โดยปิดตลาดในวันศุกร์ลดลง 0.3% ไปอยู่ที่ระดับ $100.53
กราฟราคาหุ้นของ Roku
มีการคาดการณ์ไว้ว่า Roku จะขาดทุนราว $0.23 ต่อหุ้น และมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 224 ล้านเหรียญ ซึ่งน่าจะเพิ่มขึ้นถึงกว่า 43% Roku เข้าสู่ตลาดในปี 2017 ในฐานะผู้จำหน่ายอุปกรณ์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสตรีมวิดีโอไปยังโทรทัศน์ได้ นอกจากนั้นยังขายโฆษณาในช่อง Roku และให้เครือข่ายสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ สามารถขายโฆษณาที่มุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายเฉพาะกลุ่มได้
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา Roku เป็นแพลตฟอร์มทางเทคโนโลยีที่ติดมากับโทรทัศน์หลายรุ่นและมีการเจริญเติบโตสูงมาก ข้อมูลของ Bloomberg แสดงให้เห็นว่าจากจำนวนโทรทัศน์ที่มียอดจำหน่ายสูงสุดใน Amazon จำนวน 20 รุ่น จะมีอยู่ 10 รุ่นที่สามารถเชื่อมต่อกับ Roku ได้ นอกจากนี้ ฐานรายได้ของ Roku ยังมาจากการขายโฆษณาในผลิตภัณฑ์สตรีมมิงแบบฟรีที่เรียกว่า “ช่อง Roku” ซึ่งจะมีรายการโทรทัศน์และความบันเทิงต่างๆ ให้เลือกชมมากมายอีกด้วย
ปัจจัยที่เป็นตัวกระตุ้นหลัก
ปัจจัยหลักสำคัญอย่างหนึ่งที่นักวิเคราะห์เห็นว่าช่วยกระตุ้นให้ Roku สามารถทำผลงานได้ดีขึ้นคือการดำเนินงานของสื่อยักษ์ใหญ่เจ้าอื่นๆ อย่าง Disney (NYSE:DIS) และ AT&T (NYSE:T) ซึ่งกำลังจะมีบริการสตรีมมิงของตนเองออกมาในเร็วๆ นี้ ส่งผลให้เกิดความต้องการในผลิตภัณฑ์และบริการของ Roku เพิ่มขึ้นมากไปด้วย
นับตั้งแต่เข้าสู่ตลาดเป็นครั้งแรกในปี 2017 หุ้นของ Roku ก็มีความผันผวนมาตลอด โดยเคยมีการพุ่งขึ้นของราคากว่า 40% ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2018 ก่อนที่จะปรับตัวลดลงมาอยู่ที่จุดเดิมในช่วงสิ้นปี จนมาถึงปัจจุบันในปี 2019 หุ้นของ Roku ก็มีมูลค่าสูงขึ้นกว่าเดิมถึงสามเท่าซึ่งถือว่าเอาชนะคู่แข่งรายอื่นๆ ในอุตสาหกรรมทางด้านเทคโนโลยีไปได้เกือบทั้งหมด
แม้ว่าหุ้นของบริษัทจะฟื้นตัวได้ดีเยี่ยมเช่นนี้ ก็ยังมีจุดที่ควรระวังอยู่เช่นกัน เนื่องจากปัจจุบันมูลค่าการซื้อขายหุ้นอยู่ที่ระดับสูงเป็น 14 เท่าของยอดขายซึ่งนับว่าสูงมากเมื่อเทียบกับมาตรฐานหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน อย่างเช่น Amazon.com (NASDAQ:AMZN) ที่มีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ระดับ 3.5 เท่าของยอดขาย ในขณะที่ Apple (NASDAQ:AAPL) (NASDAQ:AAPL) ก็มีมูลค่าการซื้อขายที่เพียง 3.56 เท่าของยอดขายเท่านั้น
ด้วยเหตุผลดังกล่าว RBC Capital Markets จึงปรับลดความน่าสนใจของหุ้น Roku ในกลุ่มอุตสาหกรรมนี้ลงโดยอ้างอิงจากมูลค่าหลังจากที่หุ้นของบริษัทมีการปรับตัวสูงขึ้นเป็นอย่างมากในปีนี้
ปัจจุบันมีนักวิเคราะห์ 7 รายที่แนะนำให้ซื้อหุ้นของ Roku และอีก 7 รายแนะนำว่าให้รอก่อน สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่ามีสององค์กรที่แนะนำให้ขาย ขณะที่ราคาเป้าหมายเฉลี่ยอยู่ที่ $84 ซึ่งจะคิดเป็นการปรับลดลงราว 16%
บทสรุป
รูปแบบทางธุรกิจของ Roku ไม่ได้มีอะไรที่ผิดปกติ บริษัทยังคงมีศักยภาพที่จะเติบโตในตลาดเฉพาะกลุ่มต่อไปได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ผู้คนเริ่มหันมาให้ความสนใจกับบริการไร้สายและบริการวิดีโอสตรีมมิงกันมากขึ้นในปัจจุบัน
จากปัจจัยทั้งหมดข้างต้น หุ้นของ Roku ยังอาจมีความเสี่ยงในระยะสั้นซึ่งนักลงทุนควรหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงก่อนการประกาศผลประกอบการเช่นนี้เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะเกิดความผันผวนกับหุ้นได้ค่อนข้างสูง หากสังเกตจากการประกาศผลประกอบการแต่ละครั้งของบริษัทจำนวน 4 ครั้งที่ผ่านมา หุ้นของ Roku มักจะเกิดการเคลื่อนไหวตามมามากถึง 20% เลยทีเดียว