เหตุใจจีนกับรัสเซียซึ่งเป็นสองประเทศคู่แข่งทางการค้ารายใหญ่ของสหรัฐฯ จึงเริ่มหันมาถือทองคำ? หรืออาจเพราะกำลังวางแผนที่จะลดการถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ ?
ปัจจุบันจีนมีทองคำสำรองอยู่มากกว่า 1,950 ตัน ส่วนของรัสเซียนั้นมีอยู่มากกว่า 2,200 ตัน ถือเป็นประเทศที่ถือครองทองคำมากที่สุดเป็นอันดับที่ห้า ซึ่งกำลังจะขึ้นสู่อันดับที่สี่แซงหน้าฝรั่งเศสได้ในเร็วๆ นี้ ส่วนจีนนั้นอยู่ในตำแหน่งที่หก
ทั้งสองประเทศยังมีข้อพิพาทที่ยังยืดเยื้ออยู่กับสหรัฐฯ กล่าวคือ ทางฝั่งจีนก็ยังมีปัญหาด้านการค้ากับสหรัฐฯ ส่วนรัสเซียก็ถูกคว่ำบาตรโดยสหรัฐฯ นอกจากนี้หากพิจารณาในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทั้งสองประเทศดังกล่าวก็ถือว่าเป็นฝ่ายตรงกันข้ามกับสหรัฐฯ และไม่ชอบความเหนือกว่าของสหรัฐฯ ในแง่ของเงินดอลลาร์ ซึ่งจะต้องมีเก็บสำรองไว้หรือใช้ในการทำธุรกรรมกับประเทศอื่นๆ จีนนั้นได้เดินหน้าไปอีกก้าวหนึ่งโดยพยายามผลักดันให้สกุลเงินหยวนของตนมีความสำคัญกับตลาดโลกมากขึ้นด้วยการริเริ่มให้มีการซื้อขายสัญญาน้ำมันล่วงหน้าเป็นเงินหยวน
ขณะที่รัสเซียลดการถือครองพันธบัตรลงต่ำสุดในรอบ 12 ปี จีนก็ลดการถือพันธบัตรลงต่ำสุดในรอบ 2 ปีเช่นกัน นอกจากนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศรายงานว่า ปริมาณเงินดอลลาร์สำรองของทั่วโลกก็ลดลงถึง 61.9% ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา ธนาคารกลางทั่วโลกก็เริ่มลดการถือครองเงินดอลลาร์ลงตั้งแต่เกิดสงครามการค้าเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจำเป็นต้องพึ่งพานโยบายของสหรัฐฯ
แม้หลายฝ่ายจะเชื่อว่าจีนไม่น่าจะลดการถือครองพันธบัตรเพื่อเป็นการตอบโต้สหรัฐฯ จากเหตุสงครามการค้า แต่โอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นนั้นก็เริ่มจะเห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะนี้
กราฟราคา XAU รายวัน
ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่สี่ท่ามกลางความผันผวนของตลาด แต่อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาจากข้อมูลทางเทคนิคจะพบว่าเป็นการปรับฐานในช่วงแนวโน้มขาขึ้นเท่านั้น
หลังจากที่ราคาลดลงมาเกือบถึงจุดต่ำสุดที่เส้นแนวโน้มขาขึ้นซึ่งลากมาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤษภาคมและสุดท้ายได้กลายมาเป็นกรอบราคาขาขึ้นในช่วงเดือนมิถุนายนนั้น ราคาก็สามารถเด้งกลับขึ้นไปได้ กราฟแสดงให้เห็นว่าแนวโน้มของอุปสงค์กับอุปทานยังคงมีความสมมาตร โดยดูได้จากแนวต้านขาขึ้น (เส้นประ) ระหว่างวันที่ 25 มิถุนายน - 2 สิงหาคม ซึ่งทั้งสองแนวมาบรรจบกันที่แนวรับของวันนี้ สิ่งบังเอิญที่เกิดขึ้นอีกอย่างหนึ่งก็คือเส้น 50 DMA ได้ไหลรวมไปกับกรอบล่างของราคา นอกจากนี้แนวรับของวันที่ 13 สิงหาคมที่ระดับ $1,486 ก็มาบรรจบพอดีกับแนวรับปัจจุบันอีกด้วย
การปรับขึ้นของราคาในวันนี้ทำให้เกิดรูปแบบ hammer ซึ่งก็น่าจะทำได้สมบูรณ์เมื่อปิดตลาด รูปแท่งเทียนในแบบนี้ถือว่าเป็นสัญญาณขาขึ้นบนสมมุติฐานที่ว่าการปรับลดของราคาระหว่างวันจะดึงดูดให้นักลงทุนเข้ามาเปิดสถานะ short มากขึ้น ในขณะที่การปรับเพิ่มขึ้นของราคาหลังจากนั้นเกิดจากการที่นักลงทุนที่เปิดสถานะ short ไว้ต้องเร่งซื้อคืน ทำให้อุปทานกลายเป็นอุปสงค์ และในขณะที่เกิดการเร่งปิดสถานะ short นักลงทุนที่รอโอกาสให้ราคาเป็นขาขึ้นก็เริ่มเข้ามาสนับสนุนเนื่องจากแนวรับของกรอบล่างของราคาส่งสัญญาณว่าน่าจะเป็นขาขึ้นได้ต่อไป
คำเตือน: เส้น MACD และ RSI ส่งสัญญาณให้ขาย เส้น MA ระยะสั้นของ MACD พบว่ามีแนวต้านซ้ำๆ อยู่ต่ำกว่าเส้น MA ระยะยาว ซึ่งทำรูปแบบ negative divergence กับราคาในช่วงเวลาเดียวกัน เส้น RSI ก็ลดลงไปต่ำสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา และทำรูปแบบ negative divergence กับราคาเช่นกัน สัญญาณเหล่านี้อาจชี้ให้เห็นว่ากำลังจะเกิดรูปแบบ H&S top ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม เนื่องจากแนวรับปัจจุบันอาจกำลังเตรียมสร้างส่วนหัวขึ้นมาหลังจากที่มีไหล่ด้านซ้ายเรียบร้อยแล้ว
ในขณะที่จับตาดูสัญญาณเหล่านี้อย่างใกล้ชิด เรายังคงต้องพึ่งพาทิศทางของราคาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ก่อนตามที่อธิบายไว้ข้างต้น ในกรณีที่เกิดรูปแบบการกลับตัวจริงๆ ราคาต่ำสุดของวันที่ 13 สิงหาคมที่ระดับ $1,486 จะเป็นเส้นแดงสำหรับการเคลื่อนที่ขาลง และราคาสูงสุดของวันเดียวกันที่ $1,534.94 (ซึ่งน่าจะเป็นระดับหัวไหล่ซ้าย) จะเป็นเป้าหมายสูงสุด
กลยุทธ์การซื้อขาย – สำหรับการเปิดสถานะ Long
นักลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยง ไม่เพียงแต่ควรรอให้รูปแบบ hammer สมบูรณ์เท่านั้น แต่ควรรอให้มีแท่งเทียนยาวสีเขียวเกิดขึ้นก่อน
นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง อาจเข้าเปิดสถานะได้เมื่อกราฟทำรูปแบบ hammer ได้สมบูรณ์ และควรเข้าซื้อในช่วงที่ราคาปรับลดลงไปทดสอบแนวรับ
นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง อาจเข้าเปิดสถานะได้ตามที่ต้องการเมื่อพิจารณาแล้วว่าเหมาะสมกับแผนการซื้อขายของตนเอง
ตัวอย่างการซื้อขาย
ราคาเข้า: $1,490
Stop-Loss: $1,485
ความเสี่ยง: $5
เป้าหมาย: $1,530
ผลตอบแทน: $40
อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:8