เงินปอนด์ ยังคงถูกพายุกระหน่ำให้ดิ่งลงอย่างต่อเนื่องและยังมีทีท่าว่าจะร่วงลงต่อไปอีก แม้ว่าธนาคารกลางอังกฤษจะตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยเดิมไว้ หลังจากที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นตัดสินใจดำเนินนโยบายแบบ Hawkish ไปเมื่อเช้าวันนี้ โดยยังมีปัจจัยในเรื่อง Brexit เป็นสิ่งผลักดันให้เกิดแนวโน้มขาลงระยะยาวต่อไป
นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักรเหลือเวลาอีกเพียงแค่ 12 วันเพื่อเสนอแผน Brexit ให้กับสหภาพยุโรป ในขณะที่ศาลสูงสุดของอังกฤษยังอยู่ระหว่างการพิจารณาในเรื่องการปิดสมัยประชุมรัฐสภาเป็นเวลาห้าสัปดาห์ของนายกรัฐมนตรีว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ นอกเหนือจากความวุ่นวายดังกล่าวแล้ว ความขัดแย้งทางการเมืองยังมีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการที่นายบอริสปฏิเสธที่จะเปิดเผยแผนการ Brexit ของเขา ทำให้ฝ่ายตรงข้ามเกิดความสงสัยว่าแท้ที่จริงแล้วเขาอาจยังไม่มีแผนการนั้นเลยด้วยซ้ำจึงได้ขอเลื่อนกำหนดการส่งให้กับอียู
องค์กรเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD) ได้ออกมาเตือนว่าการแยกตัวของอังกฤษออกจากอียูโดยไร้ข้อตกลงนั้นจะทำให้เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรหดตัวลง 3% และจะส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศเข้าสู่ภาวะถดถอยท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่กำลังชะลอตัว
นักลงทุนจะวิเคราะห์สถานการณ์อย่างไรในช่วงที่ข้อมูลปัจจัยพื้นฐานซับซ้อนเช่นนี้? เมื่อพิจารณาจากกราฟอาจทำให้ได้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับอุปสงค์และอุปทานเพิ่มมากขึ้นได้
กราฟราคาเงิน GBP รายวัน
ราคาเงินปอนด์พยายามปรับตัวขึ้นไปยังเส้น 100 DMA อย่างยากลำบากเป็นวันที่ห้า หลังจากที่ปรับเพิ่มขึ้นมาได้มากกว่า 5% นับตั้งแต่ลงไปทำจุดต่ำสุดแบบ hammer เมื่อวันที่ 3 กันยายน ในช่วงที่ฝ่ายตรงข้ามของนายจอห์นสันพยายามต่อต้านให้เขาหาข้อตกลงกับอียูให้ได้นั่นเอง
แนวต้านที่ระดับนี้สอดคล้องกับค่าต่ำสุดที่เกิดขึ้นในเดือนธันวาคมซึ่งก็คือส่วนหัวของรูปแบบ H&S bottom ที่ไม่สมบูรณ์ ซึ่งก็น่าจะทำให้เกิดการกลับตัวเป็นขาลงได้
นอกจากนี้ แรงฝั่งอุปทานเริ่มทำให้อุปสงค์หยุดนิ่งเนื่องจากราคาเริ่มเข้าใกล้เส้นแนวโน้มขาลงที่ลากมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2018
ท้ายที่สุด เงินปอนด์จึงไม่สามารถไต่กลับขึ้นไปเหนือ 1.2500 ได้ ตัวเลขปัดเศษนี้จึงเป็นแนวต้านทางจิตวิทยาสำคัญเนื่องจากหลายคนมักมีแนวโน้มที่จะกำหนดจุดที่ต้องการขายไว้ที่ระดับตัวเลขนี้
จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้นจึงเป็นการบ่งชี้ว่าราคามีโอกาสที่จะดิ่งลงได้อีกครั้ง เว้นเสียแต่ว่าราคาจะทะลุเส้นแนวโน้มขาลงระยะยาวที่ระดับ 1.2700 ขึ้นไปได้
กลยุทธ์การซื้อขาย – สำหรับการเปิดสถานะ Short
นักลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยง ควรรอให้ราคาจะปรับฐานขึ้นมายังเส้นแนวโน้มขาลงได้สมบูรณ์และยังมีแรงขายเพียงพอก่อน หรืออีกกรณีหนึ่งคือรอจนกว่าราคาจะลงไปทำจุดต่ำสุดใหม่ที่ต่ำกว่า trough ของวันที่ 3 กันยายนที่ระดับ 1.1959 ก่อน
นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง อาจเข้าเปิดสถานะเมื่อราคาปิดต่ำกว่า 1.2400 ซึ่งเป็นระดับที่เกิดแนวรับที่ 1.2500 เมื่อวันศุกร์ ตามมาด้วยแนวต้านจากการฟื้นตัวกลับไปอยู่เหนือระดับ 1.2400
นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง อาจเข้าซื้อขายได้ตามต้องการ โดยพิจารณาแผนการลงทุนที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ประกอบกัน
ตัวอย่างการซื้อขาย
ราคาเข้า: 1.2475
Stop-Loss: 1.2575
ความเสี่ยง: 100 pips
เป้าหมาย: 1.2175
ผลตอบแทน: 300 pips
อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:3