ในช่วงนี้ไม่มีเหตุการณ์ใดที่จะมีผู้ให้ความสนใจและจับตามากยิ่งไปกว่าการกลับมาเปิดโต๊ะเจรจาทางการค้ากันอีกรอบระหว่างสหรัฐฯ กับจีนในอีกไม่กี่วันนี้ เนื่องจากไม่มีสิ่งใดที่จะยิ่งใหญ่และสร้างผลกระทบกับความรู้สึกของนักลงทุนได้มากไปกว่าปัญหาของประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกสองรายนี้ เจ้าหน้าที่จากทั้งสองประเทศมีกำหนดที่จะเข้าพบปะเพื่อเจรจากันอีกครั้งในรายละเอียดระดับพื้นฐานอีกครั้งในวันพฤหัสบดีนี้ที่กรุงวอชิงตัน นายแลร์รี คุดโลว์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของทำเนียบขาวกล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า การเจรจาในครั้งนี้อาจมี “เซอร์ไพรส์ในทางที่ดี” เกิดขึ้นได้
นอกจากเรื่องสงครามการค้าแล้ว ตลาดก็ยังจับตามองรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิดเพื่อให้เห็นแนวโน้มว่านโยบายทางด้านอัตราดอกเบี้ยในอนาคตของสหรัฐฯ จะเป็นไปในทิศทางใดต่อไป
ในขณะที่ปัจจัยหลักในการกำหนดทิศทางตลาดในปัจจุบันคือเรื่องสงครามการค้าและนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางเช่นนี้ เราคาดว่าหุ้นใหญ่ 3 ตัวต่อไปนี้จะเกิดการเคลื่อนไหวในช่วงสัปดาห์ต่อจากนี้อย่างแน่นอน
1. Apple
หุ้นของ Apple (NASDAQ:AAPL) ในช่วงนี้เริ่มมีโมเมนตัมใหม่เข้ามาให้พิจารณาเพิ่มเติมหลังจากที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา ราคาหุ้นของบริษัทผู้ผลิตไอโฟนรายนี้กำลังจะขึ้นทำลายสถิติสูงสุดในรอบเกือบหนึ่งปีได้อีกครั้งเนื่องจากโทรศัพท์รุ่นใหม่ของบริษัทได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากตลาด ทำให้ราคาหุ้นของบริษัทปรับขึ้นไปอยู่ที่ $228.22
กราฟราคาหุ้น AAPL รายสัปดาห์ในรอบ 12 เดือนล่าสุด
เมื่อวันศุกร์ หุ้นของ Apple ปรับตัวขึ้นไป 2.8% ปิดตลาดที่ระดับ $227.01 เอาชนะหุ้นส่วนใหญ่ในกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศของดัชนี S&P 500 ไปได้อย่างง่ายดาย การปรับตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ถือว่าเป็นการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากที่เพิ่มขึ้นมาจากจุดต่ำสุดของเดือนสิงหาคมได้มากกว่า 18% และถือว่าเพิ่มจากราคาต่ำสุดในเดือนมกราคมขึ้นมาได้ราว 60% เลยทีเดียว
ข่าวดีที่เกิดขึ้นล่าสุดของ Apple เกิดจากการที่ซีอีโอของบริษัทอย่างนายทิม คุก ได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Bild ของเยอรมนีวันที่ 30 กันยายนว่ายอดขายไอโฟน 11 “เริ่มต้นได้สวยมาก” นอกจากนี้ยังกล่าวไว้กับสำนักข่าว Bloomberg ด้วยว่าเขา “พอใจเป็นอย่างมาก” กับการเปิดตัวโทรศัพท์รุ่นใหม่ในครั้งนี้
หากบริษัท Apple สามารถเร่งยอดขายของไอโฟนซึ่งถือเป็น 60% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัทให้มากขึ้นได้ ก็จะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงชัยชนะสำหรับนายคุกที่กำลังอยู่ในช่วงของการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อีกหลายตัว รวมถึงบริการสตรีมิงตัวใหม่ของ Apple ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์หนึ่งในการขยายฐานธุรกิจของบริษัทเพื่อสร้างรายได้จากหลายช่องทางนั่นเอง ด้วยปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวข้างต้นน่าจะทำให้หุ้นของ Apple ทะยานต่อขึ้นไปทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ได้ การดำเนินการต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ต่อจากนี้ไปก็จะยิ่งทำให้เห็นการฟื้นตัวของ Apple ได้ดีมากยิ่งขึ้น
2. Delta Air Lines
Delta Air Lines มีกำหนดที่จะประกาศผลประกอบการ ไตรมาสที่ 3 ออกมาในช่วงก่อนเปิดตลาดวันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคมนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่าบริษัทจะทำกำไรได้ $2.26 ต่อหุ้น และมียอดขายอยู่ที่ 12,600 ล้านเหรียญ
กราฟราคาหุ้น DAL รายสัปดาห์ในช่วง 12 เดือนล่าสุด
หุ้นของ Delta ทำผลงานรายได้สุทธิได้โดดเด่นกว่าหุ้นอื่นๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกันของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในปีที่ผ่านมา ทำให้นายเอ็ด บาสเตียน ซีอีโอของบริษัทมีทุนไว้เพื่อขยายกิจการต่อไปได้อีกมาก เมื่อเดือนที่ผ่านมา บริษัท Delta ตกลงซื้อหุ้น 20% ของกลุ่มบริษัท Latam Airlines ซึ่งเป็นธุรกิจสายการบินที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ไปด้วยมูลค่า 1.9 พันล้านเหรียญ
นายบาสเตียนให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Bloomberg ว่า “ในปีนี้ Delta คาดว่าจะสามารถทำกำไรให้ได้มากกว่า 5 พันล้านเหรียญต่อเนื่องเป็นปีที่ห้า” “นอกจากนี้เราจะยังมีกระแสเงินสดไว้ใช้ในการดำเนินงานในปีนี้มากกว่า 4 พันล้านเหรียญ ผมคิดว่านั่นคือรางวัลสำหรับการดำเนินงานและการทุ่มเทอย่างต่อเนื่องของเรา”
แต่ข่าวดีดังกล่าวกลับไม่ได้ช่วยให้นักลงทุนรู้สึกตื่นเต้นกับบริษัทได้มากเท่าที่ควร หุ้นของ Delta ปรับลดลงไปในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาราว 9% อันเป็นผลมาจากความกังวลในสภาวะการเติบโตของเศรษฐกิจและความไม่แน่นอนในเรื่องสงครามทางการค้า หากสองปัจจัยดังกล่าวยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นก็อาจจะยังส่งผลเสียต่อหุ้นของสายการบิน Delta ต่อไป เมื่อวันศุกร์ หุ้นของ Delta ปิดตลาดที่ระดับ $53.81 ถือว่าปรับขึ้นมาในวันเดียวกันได้ 1.85%
3. ExxonMobil
หุ้นของ ExxonMobil เริ่มกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งในช่วงสัปดาห์ที่จะมาถึงนี้ หลังจากที่รัฐบาลโมซัมบิกได้แถลงเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านน้ำมันและก๊าซธรรมชาติรายนี้กำลังจะ ตัดสินใจลงทุนในโครงการแก๊สธรรมชาติซึ่งอาจมีมูลค่าสูงถึง 33,000 ล้านเหรียญและถือว่าเป็นโครงการด้านพลังงานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในแอฟริกาเลยทีเดียว
รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรแร่และพลังงานของโมซัมบิกให้สัมภาษณ์ในรายงานเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า พิธีลงนามดังกล่าวจะจัดขึ้นในวันที่ 8 ตุลาคมที่เมืองมาพูโตซึ่งเป็นเมืองหลวงของโมซัมบิกซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ
กราฟราคาหุ้นของ XOM รายสัปดาห์ในช่วง 12 เดือนล่าสุด
โครงการผลิตและส่งออกแก๊สเหลวปริมาณ 15.2 ล้านตันต่อปีโครงการนี้มีขนาดใหญ่ยิ่งกว่าโครงการของบริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านพลังงานของฝรั่งเศสอย่าง Total ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณใกล้ๆ กันเสียอีก และทั้งสองโครงการนี้จะทำให้เศรษฐกิจมูลค่า 15,000 ล้านเหรียญของประเทศโมซัมบิกต้องเปลี่ยนไปอย่างมากเลยทีเดียว
Exxon ยังอยู่ในระหว่างการลงทุนจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อใช้ในการขยายธุรกิจ แตกต่างจากผู้ผลิตใหญ่รายอื่นๆ ที่พยายามจะรักษาระดับราคาหุ้นของตนเองไว้ด้วยการปรับลดค่าใช้จ่ายลง หุ้นของ Exxon ปรับขึ้นมาเมื่อวันศุกร์ได้ 1.46% ไปปิดอยู่ที่ระดับ $68.97 แต่หากพิจารณาในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาถือว่าราคาปรับลดลงไปแล้วประมาณ 10%