ดอลลาร์ยังฉุดราคาสินค้าโภคภัณฑ์ส่วนใหญ่ แต่ข้าวโพดกลับมีสัญญาณฟื้นตัว

หากคุณเริ่มเบื่อหน่ายกับการลงทุนในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ที่ราคาเคลื่อนไหวอยู่ในวงแคบๆ อย่าง น้ำมัน กับ ทองคำ แล้วล่ะก็ ลองหันมาลงทุนในพืชผลของสหรัฐฯ อย่างข้าวโพดดูบ้างก็ไม่เสียหาย เพราะข้าวโพดเหมาะแก่การถือครองระยะยาวมากกว่าสินค้าโภคภัณฑ์อย่างอื่นที่ราคาเริ่มแย่ลงจากผลของค่าเงินดอลลาร์ในขณะนี้

การเพาะปลูกที่ต้องล่าช้าออกไป ประกอบกับนโยบายทางการเมืองที่ประธานาธิบดีทรัมป์กำหนดไว้ให้สำหรับผู้ผลิตเอทานอลอาจส่งผลดีต่อตลาดข้าวโพดซึ่งเป็นพืชผลที่มีสัดส่วนมากที่สุดของสหรัฐฯ ในช่วงนี้เป็นอย่างมาก

สภาพอากาศที่เย็นจัดไม่เอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกข้าวโพดในช่วงนี้

ราคาสัญญาซื้อขายข้าวโพดล่วงหน้าของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ห้าเนื่องจากสภาพอากาศเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน อากาศเย็นจัดแผ่ไปปกคลุมภาคตะวันตกและภาคเหนือของประเทศเป็นบริเวณกว้างจึงส่งผลกระทบกับพื้นที่ในการเพาะปลูกข้าวโพดและถั่วเหลืองด้วย บริเวณที่ราบในภาคเหนือและรัฐมินิโซตายังอาจมีหิมะตกได้ในวันเสาร์ช่วงต้นของฤดูใบไม้ร่วงเช่นนี้อย่างน่าประหลาดใจ

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นายแดน ฮูเบอร์ นักวิเคราะห์อาวุโสด้านผลิตผลการเกษตรแสดงความกังวลว่าผลิตผลจากข้าวโพดจะลดน้อยลงในช่วงที่อากาศเย็นและมีความชื้นสูงมากเช่นนี้แผ่ขยายจากมินิโซตาไปทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือ รวมทั้งเกรทเลคส์ ที่ราบทางภาคเหนือ ไปจนถึงนิวเม็กซิโกฝั่งตะวันตก

“ดังนั้นในช่วงนี้จึงยังไม่มีปัจจัยที่เป็นด้านบวกสำหรับพืชผลที่ในวันนี้ยังมีผลผลิตต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ย”

ภาวะการขาดแคลนข้าวโพดอย่างรุนแรงจะทำให้ราคาจะดีดตัวสูงขึ้น

ทั้งนายฮูเบอร์ รวมถึงนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนอีกหลายคนที่ให้ความสนใจกับตลาดข้าวโพดต่างยังเริ่มสังเกตเห็นพฤติกรรมบางอย่างด้วย กล่าวคือ ยังมีนักลงทุนจำนวนมากที่ยังเปิดสถานะ short ในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าชิคาโกกันอยู่

จากตัวเลขรายงานการลงทุนประจำสัปดาห์ที่รายงานออกมาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นักลงทุนมีการเปิดสถานะ short เอาไว้ถึง 376,055 ฉบับ ส่วนผู้ที่เปิดสัญญา long มีอยู่จำนวน 362,049 ฉบับ ทั้งนี้สัญญา short ที่มีมากกว่าอยู่จำนวน 14,006 อาจเกิดการพลิกกลับได้ภายในระยะเวลาเพียงสัปดาห์เดียว และโอกาสที่จะมีการกลับมาเปิดสถานะ long รวมทั้งราคาที่จะฟื้นตัวสูงขึ้นนั้นก็มีมากขึ้นด้วย

หลังจากที่ปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาที่ระดับต่ำกว่า $3.88 ต่อบุชเชล หากพิจารณาจากกราฟจะเห็นว่า สัญญาซื้อขายข้าวโพดล่วงหน้ามีแนวโน้มที่จะทะลุระดับ $4 ได้ หากยังคงทิศทางเช่นนี้อยู่ต่อไป

กราฟราคาข้าวโพดรายวัน - สร้างโดย TradingView

ครั้งล่าสุดที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นคือช่วงเวลาเก้าสัปดาห์ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนกรกฎาคม ในช่วงที่ราคาสามารถขึ้นไปแตะจุดสูงสุดในรอบห้าปีได้ที่ระดับเหนือ $4.64

การที่ราคาทะลุกรอบขึ้นไปในครั้งนั้นเกิดขึ้นหลังจากที่มีภาวะขาดแคลนข้าวโพดในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ในตอนนี้ แต่การปรับตัวขึ้นของราคาข้าวโพดในช่วงต้นฤดูร้อนกลับกลายเป็นสัญญาณหลอกขาขึ้น จนทำให้นักลงทุนที่คาดว่าราคาจะปรับตัวสูงขึ้นนั้นต้องขาดทุนไปถึง 17% ภายในระยะเวลาสามเดือนก่อนเข้าสู่เดือนสิงหาคม

เหตุการณ์ในครั้งล่าสุดนี้ก็ยังคงไม่มีความแน่นอนว่าจะจบลงเมื่อใดเช่นกัน

คำแนะนำสำหรับนักลงทุนที่คาดว่าราคาจะปรับสูงขึ้น คือการวางแผนการเพื่อหยุดและออกจากตลาดให้เหมาะสมเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อน

นายเอริค สโคลส์ นักกลยุทธ์ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์จากบริษัท RJO Futures ในชิคาโกกล่าวว่า ผู้ที่วางแผนออกจากตลาดไว้อย่างเหมาะสมจะสามารถหลีกเลี่ยงโอกาสที่จะได้รับความเสียหายจากราคาที่อาจร่วงลงอย่างกะทันหันได้ นายสโคลส์แนะนำให้นักลงทุนติดตามสถานการณ์การรายงานผลิตผลจากกระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในรอบถัดไปจะมีการรายงานออกมาในวันพฤหัสบดีนี้ ในระหว่างนี้ตัวเลขการรายงานอย่างไม่เป็นทางการของกระทรวงเกษตรคาดว่าจะมีปริมาณผลผลิตข้าวโพดโดยประมาณอยู่ที่ 13,636 ล้านบุชเชล ซึ่งทำการเก็บเกี่ยวจากพื้นที่ทั้งหมด 81.57 ล้านเอเคอร์ โดยจะให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 167.1 บุชเชลต่อปี เขายังกล่าวด้วยว่า

“ปริมาณผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้น่าจะลดต่ำกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ นอกจากนี้กำหนดการเพาะปลูกก็ต้องล่าช้าออกไปกว่าปกติ และตัวเลขการรายงานจากกระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ ก็ยังไม่ได้ชัดเจน”

“ในช่วงฤดูร้อนปีนี้ การที่ราคาตลาดยังมีทั้งขึ้นและลงทำให้นักลงทุนและเกษตรกรต้องรู้สึกไม่สบายใจ หากรายงานตัวเลขออกมาแล้วทำให้ราคาปรับสูงขึ้นได้จริง ก็มีโอกาสเป็นไปได้สูงว่านักลงทุนที่เคยขาดทุนในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมาอาจรีบแห่มาซื้อกันใหม่อีกรอบ”

เป้าหมายราคาในระดับ 'พอใช้' อยู่ที่ $3.98?

นายสโคลส์ยังชี้ด้วยว่าสัญญาซื้อขายในตลาดชิคาโกที่ใกล้ครบกำหนดในเดือนธันวาคมนี้เริ่มแสดงให้เห็นถึง “สัญญาณราคาขาขึ้นแบบคลาสสิกในกราฟรายวัน โดยเริ่มมีการเข้ามาเติมเต็มช่องว่างราคาให้ฟื้นตัวขึ้นได้จากกระแสข่าวที่ส่งผลในเชิงบวกกับราคา”

“เป็นธรรมดาที่ตลาดจะมีการหยุดชั่วคราวหรือมีการหดตัวลงของราคาระยะหนึ่ง ก่อนที่จะมีการเคลื่อนไหวต่อตามข้อมูลปัจจัยพื้นฐานที่เกิดขึ้น และนี่ก็คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้”

“ผมเชื่อว่าการปรับตัวขึ้นของราคาในรอบนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณ $3.980”

จากการวิเคราะห์ทางเทคนิครายวันของ Investing.com ขอแนะนำให้ “ซื้อทันที” สำหรับสัญญาณซื้อขายล่วงหน้าข้าวโพดที่จะครบกำหนดในเดือนธันวาคม โดยกำหนดแนวต้านสูงสุดไว้ที่ $3.9038

ทำเนียบขาวเข้าสนับสนุนการผลิตเอทานอล

สิ่งที่เอื้อประโยชน์ให้กับข้าวโพดอีกปัจจัยหนึ่งมาจากทำเนียบขาว เมื่อทรัมป์ยอมให้ผู้ผลิตเอทานอลและเกษตรกรผู้เพาะปลูกข้าวโพดในมิดเวสเทิร์นเพิ่มการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพเพื่อนำมาใช้ผสมกับน้ำมันเบนซินได้ ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยถัดไปในปีหน้า

เอทานอลใช้ข้าวโพดเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต และกลุ่มผู้เพาะปลูกพืชหลักของประเทศชนิดนี้ รวมทั้งผู้ที่อยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมในรัฐของมิดเวสเทิร์นก็คือกลุ่มผู้สนับสนุนหลักที่ทำให้ทรัมป์ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งในปี 2016 นั่นเอง เมื่อพิจารณาจากแผนที่ประกาศออกมาเมื่อวันศุกร์ โรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐฯ จะต้องทำการผลิตแก๊สโซฮอลโดยการนำเอทานอลจำนวนอย่างน้อย 15,000 ล้านแกลลอนผสมเข้ากับน้ำมันเชื้อเพลิงที่กลั่นได้ โดยจะเริ่มการผลิตในช่วงปีหน้า ซึ่งถือเป็นการเพิ่มปริมาณการใช้เอทานอลจากเดิมที่ใช้น้อยกว่า 14,000 ล้านแกลลอนขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง

มีรายงานว่า หลังจากที่มีการประกาศนโยบายดังกล่าวออกมา โรงกลั่นน้ำมันดิบทั่วเท็กซัสต่างก็รู้สึกไม่พอใจเพราะพวกเขาได้พยายามเจรจาต่อรองกับประธานาธิบดีมาเป็นระยะเวลานานกว่า 1 ปี ในการที่จะลดการเติมเอทานอลลงในน้ำมันเบนซิน โดยอ้างว่าจะทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น จุดประสงค์แต่แรกเริ่มเดิมทีในการใช้เอทานอลคือการลดปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบที่โรงกลั่นจำเป็นต้องใช้เพื่อการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงลง แต่ปัจจุบันโรงกลั่นแย้งว่าเป็นกระบวนการที่ซ้ำซ้อน เพราะสหรัฐฯ ก็ถือว่าขึ้นแท่นเป็นผู้ขุดเจาะและผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินรายใหญ่ที่สุดของโลกในขณะนี้อยู่แล้ว

ความเสียหายที่เกิดกับน้ำมันเชื้อเพลิงคือประโยชน์ที่ข้าวโพดจะได้รับ

ข้อมูลของ Scientific American ระบุว่า 40% ของผลผลิตข้าวโพดทั้งหมดจะถูกนำไปใช้ผลิตเอทานอล นายสก็อตต์ ซีกัล นักกฎหมายประจำโรงกลั่นน้ำมันในวอชิงตันมีความเห็นเกี่ยวกับข้อมูลด้านน้ำมันในฮุสตันที่เผยแพร่ออกมาในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า

"สำหรับอุตสาหกรรมเอทานอลแล้วไม่เคยมีคำว่า พอ หรือ มากเกินไป รัฐบาลจึงการันตีไม่ได้เลยว่าธุรกิจการเกษตรนั้นจะไม่เรียกร้องมากขึ้นต่อไปเรื่อยๆ เหมือนอย่างที่เคยทำมาตลอด"

ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับน้ำมันเชื้อเพลิงในกรณีนี้จึงทำให้เอทานอล ซึ่งมองอีกมุมก็คือข้าวโพด กำลังจะได้รับประโยชน์มากขึ้นนั่นเอง