- ดัชนี S&P 500, แนสแด็ก คอมโพสิตสร้างสถิติจุดสูงสุดใหม่เป็นครั้งที่ 8 ติดต่อกัน
- ราคาทองคำยังปรับตัวสูงขึ้นเช่นเดียวกับสกุลเงินดอลลาร์
- พันธบัตรรัฐบาลติดแนวต้านอยู่ที่เส้นค่าเฉลี่ย 200DMA
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงร้อนแรงไม่หยุดซึ่งสามารถวัดได้จากกราฟดัชนีดาวโจนส์ S&P 500 และแนสแด็กที่สามารถปิดตลาดด้วยราคาสูงสุดใหม่อีกแล้ว ในขณะที่ทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์สำรองอันดับหนึ่งของโลกยังคงปรับตัวสูงขึ้นเช่นเดียวกันกับตราสารทุนและสกุลเงินดอลล่าร์ เครื่องมือบ่งชี้พฤติกรรมราคาและอินดิเคเตอร์ทั้งหลายเริ่มชี้ให้เห็นแล้วว่าขาขึ้นมาถึงจุดอิ่มตัวแล้ว จากพฤติกรรมที่ยังคงปรับตัวขึ้นเช่นนี้ที่ขัดแย้งกับอินดิเคเตอร์จึงทำให้นักลงทุนบางส่วนเริ่มกังวลแล้วว่าตลาดพร้อมปรับตัวลงได้ทุกเมื่อ
ความตึงเครียดทางการค้าจางหายและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากธนาคารกลาง
นอกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปิดตัวสูงขึ้นแล้วตลาดหุ้นยุโรปเองก็สามารถปิดตลาดด้วยจุดสูงสุดใหม่ในปี 2020 ด้วยเช่นกัน สาเหตุที่น่าจะเป็นไปได้ที่สุดคือโลกกำลังขานรับข่าวดีจากการเซ็นสัญญาการค้าระหว่างสหรัฐฯ - จีนและสถานการณ์ระหว่างสหรัฐฯ - อิหร่านที่น่าจะจบลงอย่างเรียบร้อยแล้ว เมื่อสองมหาอำนาจสามารถเซ็นสัญญาตกลงกันได้ เฟดจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีกด้วยปัจจัยเชิงบวกเหล่านี้จึงทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกพากันปรับตัวสูงขึ้น
ดัชนี S&P 500 และแนสแด็ก คอมโพสิตสามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ของราคาได้เป็นครั้งที่ 8 ติดต่อกันในขณะที่ดัชนีดาวโจนส์สร้างจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาล (All-Time High) ได้เป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน
กราฟดัชนี Nasdaq 100 ยังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่หกและกราฟสามารถขึ้นไปยืนเหนือระดับราคา 9000 ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
ตรงกันข้ามกับกราฟโบอิ้ง (NYSE:BA) บริษัทผู้ผลิตเครื่องยนต์อากาศยานและยุทโธปกรณ์ยักษ์ใหญ่ที่ไม่ได้มีจุดปิดสูงเหมือนคนอื่นๆ หุ้นของบริษัทร่วงลงไปทดสอบจุดต่ำสุดของราคานับตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคมปีที่แล้วหลังจากที่ Fitch ประเมินเกรดของหุ้นบริษัทโบอิ้งลงจาก A เป็น A- สาเหตุที่หุ้นโบอิ้งปรับตัวลดลงเพราะมีรายงานค้นพบความผิดพลาดในซอฟต์แวร์ตัวใหม่และข่าวเกี่ยวกับเครื่องโบอ้งรุ่น 737 ที่ยังตามหลอกหลอนไม่เลิก เมื่อวิเคราะห์ทางเทคนิคแล้วจะพบว่ารูปแบบหัวไหล่ขาลง (Head & Shoulder) ของหุ้นของโบอิ้งนั้นพร้อมแล้ว
ดัชนีวัดความผันผวน (VIX) ยังสามารถอยู่เหนือจุดต่ำสุดของกราฟเมื่อเดือนเมษยนปี 2019 ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่ดัชนี S&P 500 จะร่วงลง 7% จุดต่ำสุดที่ต่ำกว่านั้นของ VIX คือเดือนกันยายนซึ่งเป็นจุดต่ำสุดที่ต่ำกว่าดัชนี S&P ที่ร่วงลงไปมากกว่า 20%
กราฟ Russell 2000 ปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดของราคานับตั้งแต่วันที่ 20 กันยายนปี 2018 ถือเป็นการปรับตัวลดลงมา 1.5% โดยมีราคาอยู่ต่ำกว่า 1700
อ้างอิงจาก เนด เดวิส คอมโพสิตซึ่งนักวิเคราะห์ใช้วัดระดับการมองตลาดในแง่บวกหรือแง่ลบของนักลงทุนได้ขึ้นไปแตะที่ระดับ 80 แล้วซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่มองตลาดในแง่บวกเกินไป ในปี 2006 กราฟ S&P 500 เคยปรับตัวลดลง 5% เมื่อกราฟเนด เดวิส ปรับตัวขึ้นสูงอยู่ในระดับ 62.5
ข้อมูลทางเศรษฐกิจยังคงหนุนสกุลเงินดอลลาร์ นักลงทุนกำลังรอลุ้นให้กราฟทะลุกรอบแนวต้าน
ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ แบบ 10 ปีปรับตัวสูงขึ้นหลังจากที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศให้ทราบถึงภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เติบโตขึ้นและให้มีการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลแบบ 20 ปี นอกจากนี้ยังมีข่าวทางด้านเศรษฐกิจอื่นๆ ที่ออกมาหนุนว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อยู่ในสถานะที่แข็งแกร่งมากอย่างเช่นตัวเลขยอดขายบ้านใหม่เพิ่มสูงขึ้นในรอบ 13 ปี ดัชนีในภาคส่วนของอุตสาหกรรมจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดเฟียสามารถมีตัวเลขสูงที่สุดได้ในรอบ 8 เดือน ตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลง 5 สัปดาห์ติดต่อกันและตัวเลขยอดขายปลีกเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนที่แล้ว
อย่างไรก็ตามกราฟพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ แบบ 10 ปี และ 30 ปี ยังไม่สามารถผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 200 DMA ซึ่งเป็นแนวต้านขาลงระยะยาวขึ้นไปได้
ในส่วนของกราฟดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงปรับตัวสูงขึ้นจนสามารถไปทดสอบราคาสูงสุดในวันที่ 25 ธันวาคมได้ซึ่งคาดว่ากราฟน่าจะติดแนวต้านบริเวณนี้สักพักเนื่องจากว่ามีแนวต้านสำคัญมากมายเช่นเส้นแนวต้านด้านบนของกรอบราคาขาลงและเส้นค่าเฉลี่ย 200DMA
ส่วนตัวแล้วเราเชื่อว่ากราฟจะสามารถทะลุกกรอบราคานี้ขึ้นไปได้ซึ่งถ้าทำได้สำเร็จจะเป็นการปรับตัวสูงขึ้น 1% เป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกันนับตั้งแต่ราคาปรับตัวขึ้นมาจากจุดต่ำสุดในวันที่ 6 มกราคมและสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้ในวันที่ 9 มกราคม นอกจากนี้ทั้งอินดิเคเตอร์อย่าง MACD และ RSI ต่างส่งสัญญาณขาขึ้นแล้วทั้งคู่จึงทำให้เราเชื่อว่าดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ จะสามารถเจาะแนวต้านทั้งสองนี้ขึ้นไปได้
ข่าวเศรษฐกิจที่น่าจับตามองในสัปดาห์นี้
เวลาในข่าวทั้งหมดคิดเป็นเวลา EST
วันจันทร์
13:30 (ยูโรโซน) - คำแถลงการณ์จากประธานธนาคารกลางแห่งสหภาพยุโรปนางคริสตีน ลาการ์ด
22:00 (ญี่ปุ่น) - การประกาศเกี่ยวกับผลการตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยและภาพรวมเศรษฐกิจโดยธนาคารกลางแห่งญี่ปุ่น: คาดการณ์ว่าตัวเลขจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงซึ่งตอนนี้อัตราดอกเบี้ยปัจจุบันอยู่ที่ -0.10%
วันอังคาร
4:30 (สหราชอาณาจักร) - รายงานจำนวนคนว่างงานที่ใช้สิทธิประโยชน์จากการว่างงาน: คาดว่าจะมีตัวเลขลดลงจาก 28.8K ในเดือนที่แล้วเหลือ 24.5K ในเดือนธันวาคม
5:00 (ยูโรโซน) - ดัชนีวัดบรรยากาศทางเศรษฐกิจจากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป ZEW: คาดว่าจะมีตัวเลขลดลงจาก 11.2 เหลือ 5.5
วันพุธ
4:30 (สหราชอาณาจักร) - ตัวเลขยอดขายปลีก: คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นจาก 1.0% เป็น 2.6%
10:00 (สหรัฐฯ) - ตัวเลขยอดขายที่อยู่อาศัยมือสอง: อาจจะเพิ่มขึ้นจาก 5.35M เป็น 5.43M
10:00 (แคนาดา) - ผลการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลางฯ: คาดว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงตัวเลขที่ 1.75%
วันพฤหัสบดี
7:45 (ยูโรโซน) - ประกาศอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลางแห่งสหภาพยุโรป (ECB): คาดว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ที่ 0.00%
11:00 (สหรัฐฯ) - ปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง: ปรับตัวลดลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วอยู่ที่ -2.549 ล้านบาร์เรล
วันศุกร์
3:30 (เยอรมัน) - ดัชนีราคาผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต: คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นจาก 43.7 เป็น 44.6
4:30 (สหราชอาณาจักร) - ดัชนีราคาผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต: คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นจาก 47.5 เป็น 47.6
8:30 (แคนาดา) - ตัวเลขยอดขายปลีกพื้นฐาน: คาดว่าจะปรับตัวขึ้นจาก -0.5% ในเดือนตุลาคมเป็น 0.4% ในเดือนพฤศจิกายน