สถานการณ์ในตลาดลงทุน ณ ปัจจุบันนี้มีความไม่สอดคล้องกันเกิดขึ้นและดูเหมือนว่าจะยังไม่สิ้นสุดง่ายๆ เสียด้วย เราจึงได้แตกสถานการณ์ความไม่สอดคล้องดังกล่าวออกมาเป็น 3 ประเด็น
ประเด็นที่ 1: เมื่อวันพุธที่ผ่านมาทั้งตลาดดัชนี S&P 500 และแนสแด็กต่างพร้อมใจกันสร้างจุดสูงสุดใหม่ในขณะที่ความต้องการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้นซึ่งไม่ใช่สถานการณ์ปกติ โดยปกติแล้วเมื่อนักลงทุนเกิดความวิตกพวกเขามักจะไม่มีใครถือพันธบัตรเอาไว้ในมือโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่ตลาดหลักทรัพย์พึ่งสร้างจุดสูงสุดใหม่
ประเด็นที่ 2: การเพิ่มขึ้นของมูลค่าพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย การที่สกุลเงินดอลลาร์แข็งแกร่งขึ้นทำให้สินทรัพย์ที่มีหน่วยสกุลเงินเป็นดอลลาร์อย่างเช่นทองคำแพงขึ้นตามไปอีก ซึ่งโดยปกติแล้วถ้าดอลลาร์ปรับตัวขึ้นทองคำจะปรับตัวลง ถ้าสินทรัพย์อันใดอันหนึ่งขึ้นอีกอันหนึ่งจะลดลงซึ่งการเป็นปรปักษ์กันแบบนี้โดยปกติมักจะเกิดขึ้นกับตลาดหุ้นและพันธบัตรรัฐบาล
ประเด็นที่ 3: เมื่อนักลงทุนมั่นใจในสภาพเศรษฐกิจพวกเขาจะลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แต่เมื่อความหวาดกลัวเกิดขึ้นพวกเขาจะมองหาสินทรัพย์สำรองปลอดภัยอย่างเช่นทองคำหรือพันธบัตรรัฐบาล แต่ตอนนี้ทั้งสกุลเงินดอลลาร์ ทองคำและพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ล้วนพากันขึ้นทั้งหมด
เมื่อวานนี้ราคาทองคำพึ่งสร้างจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 7 ปี ในขณะที่ดัชนีดอลลาร์สหรัฐยังคงเกาะอยู่บริเวณจุดสูงสุดเช่นเดียวกันกับดัชนีตัวสำคัญต่างๆ ที่พร้อมจะสร้างจุดสุงสุดใหม่ได้ทุกเมื่อ เป็นไปได้อย่างอย่างไรที่ทั้งสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงและต่ำปรับตัวขึ้นในเวลาเดียวกัน?
เป็นเพราะนักลงทุนต่างคิดเหมือนกันว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะช่วยพวกเขาได้? หรือไม่ก็เชื่อว่านโยบายธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเป็นที่พึ่งให้กับพวกเขาได้เพราะอย่างไรเสียพวกเขาก็ไม่เชื่อเงินที่อยู่ในประเทศที่มีความเสี่ยงจะโดนกระทบกับไวรัสโคโรนาอยู่แล้ว? หรือพวกเขาต้องการจะเหยียบเรือสามแคมก็เลยกระจายพอร์ตลงทุนให้หมดทั้งสินทรัพย์หลักและสินทรัพย์สำรอง?
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่...สิ่งหนึ่งที่แน่นอนในตอนนี้คือราคาทองคำกำลังอยู่ในจุดที่พร้อมจะขึ้นไปต่อได้เรื่อยๆ
ราคาทองคำปรับตัวขึ้นมา 7 วันติดต่อกันแล้วหลังจากที่สามารถเจาะสามเหลี่ยมปรับฐานสมมาตรและยอดสูงสุดของสามเหลี่ยมที่ $1612 ได้สำเร็จซึ่งระดับราคานี้เป็นแนวต้านที่มีความสำคัญอย่างมาก
การทะยานขึ้นในครั้งนี้เป็นไปตามทฤษฎี รูปแบบสามเหลี่ยมที่เกิดขึ้นเป็นรูปแบบสำหรับพักตัวเพื่อไปต่อ เมื่อขาขึ้นสะสมแรงได้มากเพียงพอประกอบกับความกลัวต่อเชื้อไวรัสโคโรนาการปรับตัวขึ้นจึงเป็นเหตุผลที่เข้าใจได้ ทองคำในตอนนี้ทะยานขึ้นสู่ดินแดนใหม่เพื่อตามหาคนขายที่อยู่สูงถัดขึ้นไป
อย่างไรก็ตามการเจาะแนวต้านครั้งนี้เป็นการทะลุจุดสูงสุดของเดือนมกราคมและเป็นการวิ่งขึ้นมาตลอดระยะเวลา 7 วัน ตามธรรมเนียมเราเชื่อว่ากราฟอาจวิ่งกลับลงมาทดสอบแนวต้านที่พึ่งทะลุได้ขึ้นมาก่อนที่จะวิ่งขึ้นสูงความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น
กลยุทธ์การเทรด
เทรดเดอร์ที่ไม่ชอบความเสี่ยง จะรอจนกว่าราคาจะกลับลงมาทดสอบเต็มตัวพร้อมทั้งดีดตัวกลับขึ้นไป แสดงให้เห็นว่าราคาพร้อมขึ้นตามรูปแบบแล้วก่อนที่จะวางคำสั่งซื้อ
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง จะรอให้ราคาดีดกลับมาทดสอบก่อนเพื่อจุดเข้าที่ดีกว่านี้แต่จะไม่รอสัญญาณยืนยันว่าขึ้น
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้สูง จะเข้าทั้งสองฝาก ไม้แรกจะวางคำสั่งขายสั้นๆ ในจังหวะที่ราคาดีดกลับมาโดยมี stop loss สั้นๆ เมื่อเห็นลมเปลี่ยนทิศเมื่อไหร่จะปิดคำสั่งขายและวางคำสั่งซื้อตามเทรนใหญ่ไป
ตัวอย่างการเทรด (สำหรับนักลงทุนที่ชอบความเสี่ยง)
- จุดเข้า: $1,617
- Stop-Loss: $1,618
- ความเสี่ยง: $1
- เป้าหมายในการทำกำไร:$1,600
- ผลตอบแทน: $17
- อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:17