การทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดใหม่ของของตลาดแนสแด็กนอกจากจะเป็นผลงานของบริษัทกลุ่ม FAANG อย่างแอปเปิ้ล (NASDAQ:AAPL) กูเกิ้ล (NASDAQ:GOOGL) และแอมะซอน (NASDAQ:AMZN) แล้วส่วนหนึ่งก็ต้องยกเครดิตบริษัทเทคโนโลยีอื่นที่อยู่ในวงการเดียวกันด้วย การเติบโตของแนสแด็กแสดงให้เห็นการเติบโตทางด้านเทคโนโลยีโดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจที่มาแรงที่สุดในยุคนี้ “ซอฟท์แวร์ที่มีระบบคลาวด์เป็นผู้เก็บข้อมูลอยู่เบื้องหลัง”
หากพูดถึงซอฟท์แวร์ที่มีระบบคลาวด์เป็นผู้จัดการแล้วเรามีรายชื่อของ 3 บริษัทที่มีตัวเลขในรายงานผลประกอบการที่ดีและดูแล้วมีโอกาสเติบโตได้ในระยะยาวซึ่งอาจสร้างความสนใจให้กับนักลงทุน
1. Shopify
Shopify (NYSE:SHOP) เป็นซอฟท์แวร์แพลตฟอร์ม e-commerce ที่เราเคยนำเสนอไว้ในบทความเมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ซึ่งเราก็ยังอยากจะนำข้อมูลของ Shopify มานำเสนอให้กับคุณผู้อ่านอีกครั้งเพราะตัวเลขการปันผลของเขาไม่ธรรมดาเลย จากข้อมูลตัวเลขกำไรปันผลต่อหุ้น (EPS) และกำไรที่บริษัทสามารถทำได้ในไตรมาสที่ 4 ซึ่งรายงานออกมาในวันที่ 12 กุมภาพันธ์แสดงให้เห็นว่านักลงทุนเชื่อมั่นในการเติบโตของบริษัทและทำให้หุ้น Shopify ทะยานขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาลได้สำเร็จ
บริษัท Shopify มีตัวเลขกำไรปันผลต่อหุ้น (EPS) ล่าสุดอยู่ที่ 47 เซนต์ขึ้นมาจากตัวเลข 26 เซนต์คิดเป็นการเติบโตขึ้นมา 80% เมื่อเทียบตัวเลขในไตรมาสเดียวกันส่วนกำไรทั้งหมดที่บริษัทสามารถทำได้เพิ่มขึ้น 47% แบบปีต่อปีอยู่ที่ $505.16 ล้านเหรียญสหรัฐสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์อยู่ที่ $481.93 ล้านเหรียญสหรัฐ
ตัวเลขยอดการซื้อขายสินค้ารวม (GMV) ซึ่งเป็นมาตรฐานหลักในการวัดการเติบโตของธุรกิจ e-commerce เพิ่มขึ้น 47% เป็น $20,600 ล้านเหรียญสหรัฐผ่านด่านตัวเลขคาดการณ์ที่ $20,000 ล้านเหรียญสหรัฐมาได้อย่างไม่ยากเย็น
ตัวเลขการเติบโตของ Shopify รายปียังมีตัวเลขออกมาเป็นบวกด้วยเช่นเดียวกัน บริษัทคาดว่าในปี 2020 ผลกำไรรวมที่บริษัทจะสามารถทำได้จะมีตัวเลขอยู่ที่ $2,130 - 2,160 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ $2,110 ล้านเหรียญสหรัฐ
เฉพาะในปี 2020 นี้หุ้น Shopify ปรับตัวขึ้นมารวมแล้วทั้งสิ้น 37% เมื่อเทียบกับดัชนี S&P 500 ที่เฉพาะในปี 2020 ปรับตัวขึ้นมาเพียง 5% เท่านั้น ณ เวลาที่เขียนบทความหุ้นของ Shopify มีราคาปิดเมื่อวันอังคารอยู่ที่ $543.21 ปรับตัวลดลงมาไม่ห่างจากจุดสูงสุดตลอดกาลที่ $593.89 มากนักและบริษัทมีมูลค่าทางการตลาดรวมแล้วทั้งสิ้น $63,200 ล้านเหรียญสหรัฐ
ด้วยข้อมูลตัวเลขผลประกอบการและชื่อเสียงที่ Shopify มีเราหวังว่าในปี 2020 บริษัท e-commerce แห่งนี้จะยังคงเดินหน้าพัฒนาและสร้างซอฟท์แวร์ระบบคลาวด์ที่ดีต่อไปได้เพื่อไม่ให้ผู้ใช้งานจำนวนมากกว่า 1 ล้านคนจาก 175 ประเทศทั่วโลกต้องผิดหวัง
2. Paylocity
Paylocity (NASDAQ:PCTY) บริษัทผู้ทำซอฟท์แวร์แพลตฟอร์มการเก็บข้อมูลไว้บนระบบคลาวด์และการแก้ปัญหาให้กับลูกค้าโดยเน้นไปที่ลูกค้ากลุ่มการบริหารทุนมนุษย์ (HCM) ในองค์กรถือเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของเราในปี 2020 ด้วยผลงานเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ในรายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ จากผลงานอันน่าตกใจนี่เองที่ทำให้เรายกระดับภาพรวมของ Paylocity ในปี 2020 ให้เป็นบริษัทที่มีคนต้องการซอฟท์แวร์ในรูปแบบของการบริการ (SaaS) และ HCM บนคลาวด์มากที่สุด
บริษัท Paylocity มีตัวเลขกำไรปันผลต่อหุ้น (EPS) ล่าสุดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคมอยู่ที่ 36 เซนต์มากกว่าตัวเลขคาดการณ์ 29 เซนต์ เมื่อเทียบในช่วงเวลาเดียวกันแล้ว EPS ของ Paylocity ปรับตัวขึ้น 56% คิดเป็นตัวเลขส่วนต่างอยู่ที่ 23 เซนต์ ในขณะเดียวกันตัวเลขยอดผลกำไรรวมทั้งหมดของบริษัทแบบปีต่อปีเพิ่มขึ้น 23% คิดเป็น $132.37 ล้านเหรียญสหรัฐเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ที่ $130.22 ล้านเหรียญสหรัฐไปได้
คุณสตีฟ เบอแชมป์ CEO ของบริษัทแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความสำเร็จนี้ว่า “ทีมฝ่ายขายของเรามีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมและสามารถทำผลงานได้ดีในไตรมาสล่าสุดส่งผลให้เราสามารถทำตัวเลขได้เกินเป้า ส่วนหนึ่งเรายังได้ยอดขายมาจากในไตรมาสที่ 1 ด้วยซึ่งถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยม”
ภาพรวมของหุ้น Paylocity ในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทของไตรมาสปัจจุบันปี 2020 ถือว่าดีเกินกว่าที่วอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้ ตัวบริษัทเองก็คาดว่าผลกำไรรวมทั้งหมดในไตรมาสที่ 3 จะมีตัวเลขอยู่ระหว่าง $168.5 - $169.5 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งมากกว่าตัวเลขที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้ที่ $167.4 ล้านเหรียญสหรัฐ
ส่วนกำไรรวมตลอดทั้งปีนี้ Paylocity คาดว่าตัวเองจะสามารถมีกำไรอยู่ระหว่าง $572.5 - $573.5 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้นจากตัวเลข $568 ล้านเหรียญสหรัฐ
สถานการณ์ของหุ้น Paylocity ล่าสุดคือกราฟสามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาลได้ที่ $150.35 เมื่อวันพุธที่ผ่านมาแม้ว่าเมื่อคืนก่อนจะปรับตัวลดลงมาเล็กน้อยอยู่ที่ $149.73 ตลอดทั้งปี 2020 หุ้น Paylocity ปรับตัวขึ้นมารวมแล้วทั้งสิ้น 24% คิดเป็นมูลค่า $8000 ล้านเหรียญสหรัฐ
นอกจากความนิยมของผลิตภัณฑ์ Paylocity ในบริษัทองค์กรขนาดใหญ่เราเชื่อว่าปีนี้ Paylocity จะมีลูกค้าที่เป็นบริษัทขนาดกลางและเล็กมากยิ่งขึ้น
3. Twilio
Twilio (NYSE:TWLO) บริษัทผู้เชียวชาญด้านการทำแพลตฟอร์มรองรับการสื่อสารผ่านระบบคลาวด์กลายเป็นที่น่าสนใจในวงการนี้ทันทีจากรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ล่าสุดในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ถึงกระนั้นบริษัท Twilio ก็ต้องออกมาพูดตรงๆ เลยว่าในปีนี้มีความเป็นไปได้ที่ตัวเลขผลประกอบการอาจออกมาน่าผิดหวังด้วยราคาต้นทุนของอุปกรณ์ที่เพิ่มสูงขึ้น
บริษัท Twilio มีตัวเลขกำไรปันผลต่อหุ้น (EPS) อยู่ที่ 4 เซนต์สูงขึ้นกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 1 เซนต์แต่ผลกำไรรวมทั้งหมดของบริษัทเพื่มสูงขึ้น 62% คิดเป็นตัวเลข $331.22 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว
ตัวเลขยอดจำนวนผู้ใช้งานในปัจจุบันมีส่วนช่วยให้บริษัทมีอัตราการเติบโตที่ดียิ่งขึ้น Twilio มียอดจำนวนผู้ใช้งานในไตรมาสล่าสุดเพิ่มขึ้นทั้งสิ้น 179,000 คนคิดเป็นการเติบโต 178% แบบปีต่อปีซึ่งตัวเลขความสำเร็จนี้รวมยอดกำไร $3,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากอีกบริษัทหนึ่งที่พึ่งควบรวมเข้ามาอย่าง SendGrid ด้วย
นาย เจฟ ลอว์สัน CEO ของบริษัทกล่าวว่า “ตัวเลขการเติบโต 62% ของผลกำไรรวมทั้งหมดในไตรมาสที่ 4 แบบปีต่อปีถือเป็นความสำเร็จที่เราได้มาจากผลกำไรรวมทั้งหมด $1,130 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนหนึ่งเราต้องขอบคุณบริษัทสมาชิกใหม่อย่าง SendGrid และพนักงานอีก 1,400 ชีวิตด้วย”
เฉพาะไตรมาสล่าสุดที่สิ้นสุดในเดือนมีนาคม นักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทปรับตัวเลขปันผลกำไรต่อหุ้น (EPS) ขึ้นเป็น 4 เซนต์ในขณะที่บริษัท Twilio เองปรับขึ้นจาก 9 เซนต์เป็น 11 เซนต์ ส่วนตัวเลขกำไรรวมที่คาดว่าจะทำได้ทั้งหมดบริษัท Twilio ปรับตัวเลขขึ้นจาก $335 ล้านเหรียญสหรัฐเป็น $338 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นการปรับตัวเลขกำไรรวมขึ้นแบบปีต่อปีอยู่ที่ 45%
ส่วนตัวเลขผลกำไรรวมตลอดทั้งปี 2020 บริษัท Twilio ปรับตัวเลขปันผลกำไรต่อหุ้นขึ้น (EPS) จาก 14 เซนต์เป็น 20 เซนต์และยกตัวเลขผลกำไรรวมตลอดทั้งปีขึ้นจาก $1,470 ล้านเหรียญสหรัฐเป็น $1,490 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งถือเป็นการเติบโตขึ้น 30-31%
เมื่อวันพุธที่ผ่านมาหุ้นของบริษัทมีราคาปิดอยู่ที่ $128.06 ปรับตัวลดลงมาเล็กน้อยจากจุดสูงสุดตลอด 6 เดือนที่ $133.00 เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ นับตั้งแต่ต้นปี 2020 จนถึงปัจจุบันหุ้นของ Twilio ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 30% มีมูลค่าอยู่ที่ $17,500 ล้านเหรียญสหรัฐ
แม้ว่าปี 2020 จะเป็นปีที่ยากลำบากเนื่องจากสถานการณ์ไวรัสโคโรนาในปัจจุบันแต่เราเชื่อว่าบริษัท Twilio ยังคงเป็นหุ้นที่น่าสนใจในฐานะบริษัทแนวหน้าผู้พัฒนาระบบคลาวด์สำหรับการสื่อสาร