หุ้นของบริษัทเอ็กซอนโมบิล (NYSE:XOM) ผู้ดำเนินกิจการกลั่นและค้าน้ำมันแบบครบวงจรเป็นที่รู้จักในประเทศไทยมานานเกือบ 125 ปี ภายใต้ชื่อ เอสโซ่ (Esso) ร่วงลงอยากรวดเร็วในสัปดาห์นี้ (ซึ่งไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นัก) เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าทิศทางของราคาน้ำมันจะถูกผูกอยู่กับทิศทางของเศรษฐกิจและตอนนี้ไม่มีอะไรกระทบเศรษฐกิจโลกหนักไปมากกว่าสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 อีกแล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันหลักของโลกได้รับผลกระทบเป็นประเทศแรก
ราคาหุ้นเอ็กซอนโมบิลลงไปสร้างจุดต่ำสุดใหม่ได้สำเร็จในรอบ 15 ปีหลังจากปรับตัวลดลง 8% ใน 2 วันล่าสุด หุ้นของบริษัทเมื่อวันอังคารมีราคาอยู่ที่ $54.20 คิดเป็นการปรับตัวลดลงมาตลอดทั้งปี 2020 อยู่ที่ 22% ครั้งสุดท้ายที่หุ้นเอ็กซอนโมบิลลงมาได้ขนาดนี้ต้องย้อนกลับไปไกลถึงช่วงใกล้สิ้นปี 2005 ซึ่งตอนนั้นราคาน้ำมันดิบมีราคาอยู่ที่ $59
การร่วงลงอย่างรุนแรงของหุ้นเอ็กซอนโมบิลทำให้อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนมีตัวเลขมากกว่า 6% ซึ่งเป็นตัวเลขมากที่สุดนับตั้งแต่ช่วงกลางปี 1990 กลายเป็นว่าเอ็กซอนโมบิลมีอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนสูงที่สุดของหุ้นกลุ่มบลูชิพในตลาดดัชนี S&P 500
ผลตอบแทนจากหุ้นระดับ AAA ควรจะเป็นปัจจัยที่ล่อตาล่อใจของนักลงทุนที่สนใจอยากได้อัตราการเติบโตของการปันผลตอบแทนยาวๆ ให้เข้ามาถือหุ้นในระยะยาวเพราะบริษัทก็ถือเป็นแนวหน้าของวงการนี้ที่อยู่คู่กับนักลงทุนและคนไทยมายาวนาน เอ็กซอนถือเป็นบริษัทที่ใจกว้างในเรื่องของการปันผลตอบแทนเพราะตลอด 37 ปีที่ผ่านมาผู้ถือหุ้นจะได้รับเงินปันผลตอบแทนตลอดในทุกๆ ปีซึ่งตอนนี้อัตราการปันผลตอบแทนต่อหุ้นของเอ็กซอนอยู่ที่ $1.74 ต่อหุ้น
อย่างไรก็ตามตัวเลขการจัดการระบบการเงินของบริษัทในระยะหลังถือว่าค่อนข้างน่าเป็นห่วงโดยเฉพาะความสามารถในการจ่ายเงินปันผลของบริษัท ในไตรมาสที่ 4 ล่าสุดเงินกำไรรวมทั้งหมดที่บริษัทสามารถทำได้ไม่สามารถเอามาทบรายจ่ายเพื่อการได้มาของสินทรัพย์ที่จะนำมาใช้ในการดำเนินการเพื่อหารายได้ (Capital Expenditures) ได้และนี่ถือเป็นความผิดพลาดครั้งติดต่อกันมา 5 ไตรมาสแล้วที่บริษัทจำเป็นต้องไปยืมเงินจากส่วนอื่นมาก่อนเพื่อพยุงตัวเลขค่าใช้จ่ายในส่วนนี้
อนาคตที่ไม่ชัดเจน
จากสถานการณ์ความไม่ชัดเจนของบริษัทผู้ทำธุรกิจเกี่ยวกับน้ำมันรายใหญ่ๆ จึงทำให้บริษัทหรือสถาบันทางการเงินหลายแห่งมักจะแนะนำนักลงทุนให้อยู่ห่างๆ หุ้นกลุ่มที่ลงทุนกับน้ำมันเอาไว้
มอร์แกน สแตนลีย์หนึ่งในสถาบันการเงินชั้นนำของสหรัฐฯ ได้วิเคราะห์สถานการณ์ของเอ็กซอนโมบิลเอาไว้ว่า “เป็นตัวอย่างที่เห็นภาพได้ชัดเจนที่สุดของสถานการณ์วงการน้ำมันในปัจจุบัน”ทุกวันนี้เอ็กซอนมีอุปทานของผลิตภัณฑ์ในบริษัทมากเกินไปไม่ว่าจะเป็นก๊าซธรรมชาติหรือน้ำมัน
โกลด์แมน แซคส์สถาบันการเงินชื่อดังอีกหนึ่งแห่งมีทิศทางความเห็นไปในทิศทางเดียวกันโดยโกลด์แมน แซคส์ได้ปรับลดอันดิบความน่าสนใจของเอ็กซอนโมบิลลงมาและได้ลดเป้าตัวเลขเป้าหมายของหุ้นบริษัทจาก $72 ลงเหลือ $59 เท่านั้น “เราไม่เห็นเหตุผลหรือความน่าสนใจใดๆ ที่จะทำให้เราเชื่อว่าหุ้น XOM ที่มีความเกี่ยวข้องกับสถานการณ์น้ำมันโลกในปัจจุบัน” นายเนล เมททา (Neil Mehta) นักวิเคราะห์ของโกลด์แมนกล่าว
หนึ่งในเหตุผลที่นักลงทุนไม่อยากจะถือหุ้นของเอ็กซอนโมบิลนักเพราะนโยบายการบริหารบริษัทค่อนข้างจะสุดโต่งในการสร้างมูลค่าให้กับหุ้นบริษัทตัวเอง ในเวลาที่บริษัทผู้ผลิตน้ำมันรายอื่นกำลังหันมาเล่นเกมตั้งรับในสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกกำลังไม่ปกติแต่บริษัทเอ็กซอนโมบิลกลับเลือกที่จะนำเงินมาลงทุนกับการสร้างนวัตกรรมในเวลาที่ไม่เหมาะสม
นายดาร์เรน วูดส์ (Darren Woods) CEO ของบริษัทเอ็กซอนโมบิลมีความเชื่อว่าการลงทุนในน้ำมันดิบและอุตสาหกรรมก๊าซธรรมชาติจำนวนล้านล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้วงการพลังงานสามารถดำรงอยู่ต่อไปและตอบรับความต้องการของตลาดในปี 2040 ดังนั้นเอ็กซอนจึงกำลังลงทุนกับบริษัทหรือโปรเจ็คพัฒนาวงการพลังงานที่มีราคาถูก
ที่ผ่านมาความเชื่อของ CEO ก็ประสบความสำเร็จอยู่บ้าง ในปี 2018 เอ็กซอนสามารถสร้างผลงานได้จากการพบแหล่งหินน้ำมันที่ Permian Basin ทำให้หุ้นบริษัทปรับตัวขึ้น 79% ในปี 2018 และยังะบแห่ลงน้ำมันในกายอานาที่มีน้ำมันมากกว่า 8 พันล้านบาร์เรล
ถึงกระนั้นนักลงทุนก็ยังไม่อยากเสี่ยงที่จะลงทุนกับหุ้น XOM อยู่ดีแม้ว่าวันที่ 3 มีนาคมนี้ CEO คนเก่งมีแผนที่จะนำเสนอกลยุทธ์การค้นหาแหล่งน้ำมันในระยะยาวและเหตุผลหักล้างว่าการลงทุนของเขาไม่สูญเปล่า ไม่ได้ทำลายสิ่งแวดล้อมและยังได้สร้างความก้าวหน้าให้กับอุตสาหกรรมน้ำมันอย่างไร
มูดีส์หนึ่งในสื่อชื่อดังให้ความเห็นเกี่ยวกับเอ็กซอนโมบิลว่า “อัตราการเติบโตของเงินลงทุนในบริษัทไม่สามารถเติบโตแบบก้าวกระโดดหรือเกิดขึ้นได้จากเงินที่เอาไปทุ่มกับการทดลองและการขายสินทรัพย์ที่ในอนาคตจะช่วยบริษัทให้สามารถนำไปใช้เพื่อทำกำไร” นอกจากนี้มูดีส์ยังได้ลดอันดับภาพรวมของบริษัทที่มีศักยภาพในการบริหารหนี้ที่ดีลงมา
โดยสรุปแล้ว…
ในขณะที่บริษัทผู้ผลิตอื่นๆ ในวงการพลังงานด้วยกันอย่างเช่น Chevron Corp (NYSE:CVX), ConocoPhillips (NYSE:COP) กำลังสร้างผลกำไรและมีผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว บริษัทเอ็กซอนโมบิลดูแล้วกลับไม่มีทิศทางว่าจะเปลี่ยนนโยบายมาในทางด้านนี้แต่อย่างใดแม้ว่าอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนมีตัวเลขสูงกว่า ยิ่งไปกว่านั้นการลงทุนของ CEO บริษัทมีความเสี่ยงมากกว่าที่ได้ผลตอบรับกลับมาที่ดีโดยเฉพาะอย่างในในสถานการณ์ที่ไวรัสโคโรนากำลังกระทบกับราคาน้ำมันดิบอย่างรุนแรง