รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

ภาพรวมตลาดโภคภัณฑ์สัปดาห์นี้: สัญญาณทองคำถดถอยเริ่มปรากฏ น้ำมันดิบยังไม่ดีขึ้น

เผยแพร่ 17/03/2563 15:08
อัพเดท 02/09/2563 13:05

ในบรรยากาศการลงทุนช่วงนี้เรามักจะได้ยินคำว่า “ฟ้าหลังฝน” ในหมู่นักลงทุนที่เอาไว้พูดเพื่อปลอบใจกันเองให้มีกำลังใจถือออเดอร์ต่อไป แต่คำพูดนี้กลับใช้ไม่ได้กับราคาน้ำมันในช่วงนี้ ยิ่งไปกว่านั้นจะให้นักลงทุนวางใจได้อย่างไรเมื่อล่าสุดธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาจนเกือบเหลือ 0% และเป็นการลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉินในระยะเวลา 2 สัปดาห์แถมด้วยการอัดฉีดเงินจำนวน $70,000 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อพยุงเศรษฐกิจแต่สิ่งที่ตลาดตอบกลับมาก็คือดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงไปอีกเกือบ 3,000 จุด WTI Futures Weekly Price Chart

ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มสูงขึ้นเกิน 100,000 คนไปแล้วทั่วโลก หลายๆ ประเทศในยุโรปได้มีการสั่งปิดเมืองไและอเมริกาเองก็เริ่มสั่งปิดบางเมืองไปแล้วด้วยเช่นกัน จึงทำให้ตอนนี้ธนาคารกลางทั่วโลกจับทางไม่ถูกแล้วว่านอกจากการลดอัตราดอกเบี้ยพวกเขาควรทำเช่นไรต่อไปดี

แต่เดิมที่เราเคยเห็นภาพยนตร์หรือเกมส์ที่เล่าถึงเรื่องราวโลกหลังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสจนทำให้หลายๆ พื้นที่ในโลกกลายเป็นเมืองร้าง ธนาคารกลางเองก็คงไม่คิดว่าพวกเขาจะได้มาเห็นภาพที่อยู่ในสื่อเหล่านั้นด้วยตาตัวเอง โลกที่ไม่มีใครออกไปทำงาน ขับรถ สังสรรค์ จับจ่ายใช้สอย การกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยกลายเป็นวิธีที่ไร้ประโยชน์ไปในบัดดล


สิ่งนี้เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจภายในสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน เกือบ 80% ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขับเคลื่อนด้วยการใช้จ่ายของผู้บริโภค ถ้าภาครัฐไม่สามารถหาวิธีที่จะนำเงินเข้าไปสู่กระเป๋าของผู้บริโภคโดยตรงให้พวกเขาสามารถจับจ่ายใช้สอยในสเกลที่มากพอกับในสถานการณ์ปกติ ทุกสิ่งทุกอย่างจะยิ่งเลวร้ายลงมากกว่านี้ แม้แต่บริษัทชั้นนำใหญ่ๆ อย่าง Nike (NYSE:NKE), Urban Outfitters (NASDAQ:URBN) ยังต้องสั่งงดให้บริการร้านค้าชั่วคราว Walmart (NYSE:WMT) และ Apple (NASDAQ:AAPL) ต้องลดชั่วโมงการทำงานของพนังงานลง  จะให้สะกดคำว่า “สถานการณ์ดีขึ้น” ในช่วงนี้ก็คงจะเป็นไปไม่ได้

การลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดเรียกได้ว่า “เปล่าประโยชน์”

และนี่คือสาเหตุว่าทำไมดัชนี ดาวโจนส์ล่วงหน้า เมื่อวันจันทร์ที่แล้วถึงร่วงลงมากกว่า 5% คิดเป็น 1,000 จุดและล่าสุดเมื่อวานนี้ดัชนีได้ร่วงลงอีกครั้งเกือบ 3,000 จุดภายในคืนเดียว การวิ่งของดัชนีนี้เป็นการบอกได้คำเดียวเลยว่าวิธีการแก้ปัญหาของเฟดเมื่อวันอาทิตย์นั้นไม่ได้ผลเลยแม้แต่น้อย ขนาดว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกมาประสานเสียงร่วมกับเฟดในการเรียกความเชื่อมั่นแล้วแต่ตลาดก็ยังคงไม่เชื่อคำพูดของพวกเขาอยู่ดี

ที่สถานการณ์ของราคาน้ำมันดิบทั้ง WTI และ เบรนท์ ต่างก็ปรับตัวลดลงกันมาตัวละ 2% ในช่วงเที่ยงของตลาดลงทุนฝั่งเอเชียเมื่อวาน ราคาสามารถดีดกลับมาได้บ้างตอบรับข่าวที่ทรัมป์จะเข้ามาอุ้มคลังน้ำมันสำรองปิโตรเลียมเอาไว้ให้เพื่อตั้งรับเกมการตัดราคากันเองระหว่างซาอุดิอาระเบียและรัสเซียBrent Futures Weekly Price Chart

แม้แต่ราคา ทองคำสปอต ก็ปรับตัวขึ้นได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นไม่สมกับฉายา “สินทรัพย์สำรองอันดับหนึ่ง” เลยสักนิดหลังจากที่เฟดตัดสินใจหั่นอัตราดอกเบี้ยซึ่งปกติแล้วราคาทองคำจะต้องทะยานขึ้นอย่างแรง ยิ่งไปกว่านั้นกลายเป็นว่าราคาทองคำกลับปรับตัวลดลงมาอีกหลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วราคาร่วงลงมามากกว่า 9% ถือเป้นการปรับตัวลงมามากครั้งหนึ่งนับตั้งแต่ปี 2011

ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจอาจกลายเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

นายเจฟฟรี่ ฮัลลีย์ นักวิเคราะห์จากโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ OANDA แสดงความคิดเห็นว่า 

“จากตรงนี้ดูเหมือนว่าเศรษฐกิจโลกคงหนีจากคำว่าภาวะถดถอยไม่พ้นเสียแล้ว ในกรณีที่ดีที่สุดคือโลกจะต้องควบคุมไวรัสโคโรนาให้ได้ภายใน 3 เดือนหน้านี้จึงจะทำให้มนุษยชาติสามารถเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ได้ แต่นั่นคือสถานการณ์ที่ดีที่สุดที่ประเมินไว้และต้องเกิดขึ้นภายใน 3 เดือนหน้านี้เท่านั้น ความจริงเราก็เห็นอยู่ว่าสถานการณ์ในสหรัฐฯ ตอนนี้แย่มากแค่ไหน”

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วสถาบันทางการเงินระดับโลกอย่างโกลด์แมน แซคส์ได้คาดการณ์เอาไว้ว่าราคาน้ำมันดิบอาจลงมาถึง $20 ต่อบาร์เรลได้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าความเป็นไปได้นั้นใกล้เข้ามาแล้ว ด้วยสถานการณ์ที่ราคาน้ำมันดิบ WTI วิ่งอยู่ประมาณ $30-$29.80 นิดๆ หากว่าราคาจะลงต่อจากจุดนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไรนัก นอกจากนี้ปัญหาการเก็บน้ำมันดิบไว้ในคลังมากเกินเริ่มจะค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาให้เห็นแล้วเพราะไวรัสโคโรนาทำให้การบริโภคน้ำมันในหลายๆ ภาคส่วนลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินทางทั้งทางบก เรือ อากาศและการสั่งปิดเมือง นี่ยังไม่นับที่ซาอุดิอาระเบียกำลังทะเลาะกับรัสเซีย

สายการบินระดับชาติของอเมริกาอย่าง American Airlines (NASDAQ:AAL) ถือเป็นหนึ่งในธุรกิจที่เจ็บหนักที่สุด หุ้นของบริษัทร่วงลงมากกว่า 75% แล้วหลังจากที่ทรัมป์ประกาศห้ามไม่ให้สายการบินจากยุโรปเข้าประเทศในขณะที่ประเทศในกลุ่มยูโรโซนเริ่มที่จะปิดชายแดนของประเทศตัวเอง ที่ปรึกษาของบริษัท Rystad Energy คาดการณ์ว่าเปอร์เซนต์การเดินทางทางอากาศจะลดลง 16% ใน 2020 คิดเป็นมูลค่าความต้องการน้ำมันดิบสำหรับเครื่องบินที่หายไปอยู่ที่ 780,000 บาร์เรลต่อวัน

ข้อมูลจากสมาคมยานยนต์อเมริกัน (AAA) เผยว่าราคาเฉลี่ยของน้ำมันต่อแกลอนในสหรัฐฯ อยู่ที่ $2.26 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาซึ่งเป็นราคาที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2017 แม้ว่าราคาน้ำมันที่ถูกลงดูจะเป็นข่าวดีต่อตลาดแต่เพราะคนอเมริกันเริ่มที่จะไม่อยากใช้รถออกไปไหนมาไหนแล้วจึงทำให้สถานการณ์ตอนนี้กลายเป็นข่าวร้ายมากกว่าที่จะเป็นข่าวดี

ข่าวดีเล็กๆ สำหรับหินน้ำมัน

ข่าวที่ว่าทรัมป์จะเข้ามาช่วยพยุงในเรื่องของการสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงทางยุทธศาสตร์ (SPR) จะเป็นการช่วยวงการหินน้ำมันของสหรัฐฯ หรือไม่นั้น….คำตอบมีทั้งใช่และไม่ใช่

สกอตต์ คาร์เพนเทอร์จาก Forbes Energy กล่าวว่า “ทรัมป์จะเข้ามาช่วยในการทำ SPRเพื่อพยุงต้นทุนที่เกิดจากการขุดน้ำมันดิบมากกว่าที่จะเข้ามาเพื่อดันให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น” สาเหตุเป็นเพราะความสามารถในการเก็บน้ำมันจากการทำ SPR สามารถทำได้มากที่สุดเพียง 713.5 ล้านบาร์เรลและข้อมูลปริมาณการขุดน้ำมันจากใต้ดินที่ได้ในรัฐหลุยส์เซียนาพบว่ามีปริมาณต่ำกว่า 650 ล้านบาร์เรล

เมื่อบวกลบตัวเลขแล้วทรัมป์จะสามารถลดตัวเลขน้ำมันในส่วนนี้ลงได้เพียง 63.5 ล้านบาร์เรลเท่านั้นแม้ว่าการทำ SPR จะสามารถดำเนินต่อไปได้จนถึงสิ้นปี 2020 สหรัฐฯ ก็จะทำได้เพียงเพิ่มปริมาณน้ำมันขึ้นมา 219,000 บาร์เรลต่อวันภายในช่วงระยะเวลาที่เหลืออยู่เพียง 290 วันเท่านั้นหากนับว่าเริ่มทำตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม

“แผนการครั้งนี้ของทรัมป์ยังไม่ได้ครึ่งนึงเลยของการลดกำลังการผลิตน้ำมันจากกลุ่มโอเปก+ ซึ่งเป็นตัวเลขก่อนที่พวกเขาจะประชุมกันในรอบล่าสุดที่ผ่านมายิ่งไปกว่านั้นการทำ SPR ก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวจากปริมาณการใช้น้ำมันดิบ 4 ล้านบาร์เรลต่อวันของการใช้งานจากทั้งโลกที่ตอนนี้กำลังประสบปัญหาเก็บน้ำมันไว้มากเกินไปด้วยซ้ำ” สกอตต์ คาร์เพนเทอร์ กล่าวโดยอ้างอิงจากแผนการผลิตน้ำมันของซาอุดิฯ ที่จะมีในสัปดาห์นี้เพื่อต่อกรกับสงครามราคาน้ำมันกับรัสเซีย

แม้ว่าซาอุดิอาระเบียดูเหมือนว่าจะได้เปรียบแต่พวกเขาเองก็มีปัญหาอยู่เช่นกัน รายงานจากบลูมเบิร์กกล่าวว่าบริษัทน้ำมันชื่อดังอย่าง Aramco (SE:2222)ได้ลดตัวเลขค่าใช้จ่ายที่จะใช้เพื่อเพิ่มการผลิตน้ำมันในปีนี้ลง แน่นอนว่าสาเหตุมาจากปริมาณความต้องการน้ำมันดิบในโลกลดลงและเป็นการเตรียมพร้อมสู่สงครามราคาน้ำมันที่ประเทศอาจจะต้องได้รับผลกระทบ

บริษัท Aramco ได้เปิดเผยข้อมูลตัวเลขรายจ่ายเพื่อการได้มาของสินทรัพย์ที่จะนำมาใช้ในการดำเนินการเพื่อหารายได้ (CAPEX)  ว่าจะอยู่ระหว่าง $2,500 - $3,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2020 และตอนนี้บริษัทกำลังพิจารณา CAPEX ของปีหน้าอยู่ แผนนี้เป็นการลดตัวเลขลงมาจากเดินเคยวางไว้และประกาศในการทำ IPO ที่ $3,500 - $4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2019 Aramco ใช้เงินในส่วนนี้ไปแล้วทั้งสิ้น $3,280 ล้านเหรียญสหรัฐ

ไม่ว่าตลาดจะวิ่งไปในทางไหน ราคาทองคำก็ร่วงลงอยู่ดี

คาดว่าราคาทองคำในสัปดาห์นี้จะยังไม่สามารถดีดกลับขึ้นมาได้อย่างเต็มตัวเพราะนักลงทุนจำเป็นต้องปล่อยขายทองคำไปก่อนเพื่อนำไปหักกับส่วนที่เสียไปจากการลงทุนให้หุ้นหรือตลาดอื่นๆ นักวิเคราะห์จาก OANDA กล่าวไว้ว่า “ตราบเท่าที่ตลาดหุ้นยังคงปรับตัวลงต่อ สภาพคล่องในการเข้าซื้อทองคำก็จะหายไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งตอนนี้ถ้าราคาทองคำสามารถกลับขึ้นไปยังระดับราคา $1,600 หรือ $1,700 ได้ ก็มีแต่จะโดนเทขายซ้ำลงมาอีกครั้ง”

Gold Futures Weekly Price Chart

“ถึงกระนั้นการถือทองคำในระยะยาวก็ยังเป็นทางเลือกที่ดี แต่เหมาะกับคนที่ซื้อมาอย่างน้อยก็ตั้งแต่ปีที่แล้วมากกว่า การที่ราคาทองคำร่วงลงมามากถึง $175 เมื่อสัปดาห์ที่แล้วทำให้เราไม่สามารถประมาทได้ว่าราคาจะลงไปอีกหรือไม่ เป็นไปได้ว่าราคาอาจลงไปยังแนวรับ $1,460 - $1,480 ได้ในระยะยาว ถ้าราคาสามารถลงไปถึงบริเวณนั้นได้จริงจะลองเข้าถือราคาทองคำดูก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหายอะไร”

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย