รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

ภาพรวมตลาดโภคภัณฑ์สัปดาห์นี้: ราคาน้ำมันยังเล็ง $20, ทองคำวิ่งอยู่บริเวณ $1500

เผยแพร่ 24/03/2563 12:12
อัพเดท 02/09/2563 13:05

อีกนานแค่ไหนกว่าราคาน้ำมันดิบจะกลับขึ้นมาได้อีก? เกิดอะไรขึ้นกับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ด้านล่างนั่นและทำไมถึงไม่ยอมขึ้นมาเสียที? นี่คงเป็นคำถามที่อยู่ในใจนักลงทุนทุกคนในตอนนี้ ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบ WTIซึ่งเป็นน้ำมันมาตรฐานของสหรัฐฯ อยู่สูงกว่าแนวรับที่ $20 อยู่เพียงไม่ถึง $1 เท่านั้นในชั่วโมงเทรดของตลาดหุ้นฝั่งเอเชียเมื่อวานนี้ท่ามกลางข่าวไวรัสโคโรนาที่ปกคลุมไปทั่วทั้งทวีปยุโรป
WTI Futures Weekly Price Chart

สถานการณ์ไวรัสโคโรนาล่าสุดในสหรัฐฯ ไม่ดีเลย มียอดจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นวันละ 2,000 คน มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 500 คนและจำนวนรวมผู้ติดเชื้อล่าสุดในประเทศเกือบจะแตะ 35,000 คนแล้วในขณะที่กำลังเขียนบทความ ยิ่งไปกว่านั้นมีรายงานว่าสมาชิกในสภาสูงท่านหนึ่งมีรายงานว่าติดไวรัสโคโรนาและทำให้สมาชิกคนอื่นๆ ต้องกักตัวเองเพื่อรอดูอาการ ความสำคัญก็คือว่าเหล่าสมาชิกสภาสูงจะต้องเข้าประชุมกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และพรรคฝ่ายค้านเพื่อหามติว่าจะอนุมัติโครงการเงินเยียวยาประชาชนที่พึ่งเป็นข่าวไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วหรือไม่

สิ่งสำคัญอีกอย่างที่นักลงทุนต้องทราบเอาไว้นอกเหนือจากข่าวกฎหมายเยียวยาประชาชนสหรัฐฯ ในช่วงนี้คือไม่ว่าสหรัฐฯ จะตกลงจับมือกับโอเปกได้หรือไม่ว่าซาอุดิอาระเบียกลับรัสเซียจะสามารถกลับไปคืนดีกันก็ไม่อาจทำให้ปริมาณความต้องการน้ำมันดิบฟื้นกลับโดยเร็วตราบเท่าที่ไวรัสโคโรนายังคงอยู่ เมื่อไม่มีใครอยากออกบ้าน อยากเดินทาง อยากบินไปทำธุรกิจต่างประเทศจึงเป็นไปได้ว่าราคาน้ำมันดิบ WTI อาจจะสามารถลงมาอยู่ต่ำกว่า $20 ได้

สงครามราคาน้ำมันอาจนำไปสู่ปริมาณน้ำมันล้นตลาดมากที่สุดในประวัติศาสตร์

นักวิเคราะห์จาก Rystad Energy กล่าวว่า “ถ้าทั้งซาอุดิอาระเบียและรัสเซียยังต่างคนต่างขุดน้ำมันของตนขึ้นมาและทำสงครามราคากันไปเรื่อยๆ เราอาจจะได้เห็นข่าวปริมาณน้ำมันล้นตลาดโลกภายในไตรมาสเดียวซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในเดือนเมษายน คาดว่าจะมีน้ำมันเหลืออยู่ 10 ล้านบาร์เรลต่อวันเลยทีเดียว”

ในปี 2020 โดยเฉลี่ยแล้วอุปทานราคาน้ำมันดิบอาจมีเกินอุปสงค์เกือบ 6 ล้านบาร์เรลต่อวันซึ่งจะส่งผลให้ต้องมีการสร้างที่เก็บน้ำมันเพิ่มอีก 2,000 ล้านบาร์เรลในปีนี้ นักวิเคราะห์ยังกล่าวอีกว่า “จากการวิเคราะห์ของเราพบว่าปัจจุบันโลกเรามีน้ำมันอยู่มากถึง 7,200 ล้านบาร์เรลที่วนอยู่ในตลาดและเก็บเอาไว้ในคลังน้ำมันดิบ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีอีก 1,300 - 1,400 บาร์เรลต่อวันที่กำลังขุดอยู่ในทะเล ที่น่ากลัวคือคาดว่าคลังที่เก็บน้ำมันมากถึง 76% เต็มไปด้วยน้ำมันเรียบร้อยแล้วซึ่งแสดงให้เห็นถึงความไม่สมดุลระหว่างการใช้และเก็บน้ำมันของโลกในตอนนี้”

นาย Paola Rodriguez-Masiu นักวิเคราะห์อาวุโสท่านนี้ยังกล่าวปิดท้ายว่า “ครั้งหนึ่งราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ลงไปสร้างจุดต่ำสุดตลอดกาลเอาไว้ซึ่งอยู่ต่ำกว่า $10 ต่อบาร์เรล จากข้อมูลคลังเก็บน้ำมันทั่วโลกก่อนหน้านี้เราอาจจะกำลังสร้างประวัติศาสตร์ซ้ำรอยกับปี 1998 ก็เป็นได้”

การลดจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันอาจเกิดขึ้นเพิ่มสร้างสมดุล

นาย Dominick Chirichella จากสถาบันการจัดการพลังงานในนครนิวยอร์กกล่าวว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้วปริมาณการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ ยังถือว่าทำสถิติได้สูงอยู่ที่ 13.1 ล้านบาร์เรลต่อวันแม้ว่าจะลดการเปิดใช้งานแท่นขุดเจาะลง 152 แท่นคิดเป็นการลดลง 18% แบบปีต่อปี

ปัจจุบันสหรัฐฯ มีเครื่องขุดเจาะที่ยังใช้งานอยู่ 664 แท่น เทียบกับเมื่อปี 2014 ในเดือนตุลาคมซึ่งเคยมีแท่นขุดเจาะมากถึง 1,609 แท่นซึ่งสามารถผลิตน้ำมันได้ 4.23 ล้านบาร์เรลต่อวันเท่ากับว่าตอนนี้สหรัฐฯ ใช้แท่นขุดเจาะน้ำมันน้อยกว่าเดิมมากแต่สามารถขุดน้ำมันได้มากกว่าเดิม 3.6 เท่าต่อหนึ่งแท่งขุดเจาะน้ำมัน

ที่จริงแล้วถ้าราคาน้ำมัน WTI ลดลงต่ำกว่า $20 หรืออยู่ที่ระดับราคาประมาณ $30 นานกว่านี้อาจส่งผลผลถึงระดับหายนะทางการเงินให้กับบริษัทผู้ขุดหินน้ำมันและอาจจะกลายเป็นการแก้ปัญหาภายในของกลุ่มโอเปกโดยที่พวกเขาไม่ต้องทำอะไรเลย

John Kilduff หนึ่งในพาร์ทเนอร์ผู้ก่อตั้งกองทุน Again Capital กล่าวว่า “เราอาจจะได้เห็นการลดรายจ่ายเพื่อการได้มาของสินทรัพย์ที่จะนำมาใช้ในการดำเนินการเพื่อหารายได้ (CAPEX) และกระบวนการผลิตน้ำมันที่เข้มงวดขึ้นจนสร้างความประหลาดใจให้กับนักลงทุนมากเลยทีเดียวเพราะทางเลือกของบริษัทผู้ผลิตน้ำมันมีเพียง...ยอมลดหรือยอมล้มละลายเท่านั้น”

ในปี 2020 พึ่งมีเพียงบริษัท Pioneer Energy Services (OTC: PESXQ) เท่านั้นที่ยื่นเอกสารการล้มละลาย แต่บริษัทอื่นๆ อย่างเช่น Chesapeake Energy (NYSE:CHK) และ Whiting Petroleum (NYSE:WLL) กำลังแบกหนี้มหาศาลจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงในเดือนนี้มากถึง 55% และอีกหลายๆ บริษัทกำลังพยายามลดต้นทุนการผลิต การค้นหาแหล่งน้ำมันและงบประมาณในส่วนที่ไม่จำเป็นลง

บริษัท Pioneer ผู้นำทางด้านการผลิตน้ำมันในรัฐเทกซัสและนิวเม็กซิโกกล่าวว่าบริษัทกำลังพยายามลดการส่งออกน้ำมันอยู่และกำลังวางแผนเกี่ยวกับการดำเนินการขั้นต่อไป บริษัท EOG Resources (NYSE:EOG) ก็กำลังลดกำลังการผลิตน้ำมันลง Diamondback Energy (NASDAQ:FANG) rมีการลดจำนวนลูกจ้างส่วน Parsley Energy (NYSE:PE) หั่นงบสำหรับเติมสภาพคล่องของบริษัทตัวเองลงเหลือ $85 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งจากเดิมวางไว้ $200 ล้านเหรียญสหรัฐ สุดท้ายบริษัท Continental (NYSE:CLR) จะลดจำนวนแท่งขุดเจาะในบัคเคนจาก 9 เหลือ 3 แท่นขุดเจาะและในโอคลาโฮมาจาก 10.5 แท่นเหลือ 4 แท่นขุดเจาะน้ำมัน

ทองคำยังลังเลที่จะเลือกทิศทาง

ในสัปดาห์นี้ที่ระดับราคา $1,500 ยังคงเป็นระดับราคาที่สำคัญกับทั้งการเป็นแนวรับแนวต้านแต่คงจะไม่ถูกใจนักลงทุนเท่าไหร่หากต้องเห็นราคาแช่อยู่ที่ $1,500 ไม่ขยับไปไหน ราคา ทองคำล่วงหน้า เมื่อสัปดาห์ที่แล้วร่วงลงไปยังจุดต่ำสุดในรอบ 8 เดือนที่ $1,450 ต่อออนซ์ คิดเป็นการร่วงลงมาจากจุดสูงสุดแล้วทั้งสั้น 9.3% (ถือว่าแย่ที่สุดในรอบ 37 ปี) สาเหตุที่ราคาทองคำลงไปต่ำกว่า $1,500 เพราะนักลงทุนถอนเงินออกจากทองคำแล้วหันไปถือสกุลเงินดอลลาร์จากความกลัวที่ดัชนีดาวโจนส์สามารถร่วงลงไปอยู่ต่ำกว่าระดับ 20,000 จุดได้เป็นที่เรียบร้อยGold Futures Weekly Price Chart

นาย Tariq Zahir ผู้ก่อตั้งบริษัทที่ให้คำปรึกษาสำหรับการลงทุน Tyche Capital Advisors กล่าวว่า “ตอนนี้ราคาทองคำกำลังอยู่ระหว่างจุดกึ่งกลางที่ต้องเลือก นักลงทุนในตอนนี้กำลังจับตาดูดัชนีดาวโจนส์ที่ร่วงลงมาเรื่อยๆ ซึ่งระดับราคาที่ $1,500 ถือเป็นจุดเข้าที่ดี”

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย