ประเด็น: สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) เห็นชอบให้สายการบินสัญชาติไทยจำนวน 9 สํายกํารบิน แบ่งเป็น สายการบินที่ให้บริการเต็มรูปแบบ จำนวน 3 ราย ได้แก่การบินไทย, ไทยสมายล์, และสายการบินบางกอกแอร์เวย์ และเป็นสายการบินราคาประหยัด6 ราย ได้แก่ สายการบินไทยแอร์เอเชีย (AAV), สายการบินนกแอร์ (NOK), สายการบินไทยไลอ้อน, สายการบินไทยเวียดเจ็ท, สายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์, และสายการบินนกสกู๊ตสำหรับเส้นทางบินในประเทศ ไทยแอร์เอเชีย และ ไทยไลอ้อนแอร์จะหยุดทำการบินภายในประเทศทุกสําย แต่สำหรับสายการบินอื่นอาจมีการปิดในบางเส้นทางในช่วง 1-2เดือนข้างหน้า และสํายการบินระหว่างประเทศจะทำการหยุดทุกเส้นทางตามแต่ระยะเวลารายละเอียดเพิ่มเติมในตารางที่1 (Source:ประชาชาติธุรกิจ)
นอกจากนี้ผู้ประกอบการหลักในกลุ่มโรงแรมอย่าง MINT, CENTEL, และ ERW ได้ประกาศเริ่มทำการปิดโรงแรมทั้งในประเทศและโรงแรมต่างประเทศ โดย MINT มีมาตรการเริ่มปิดโรงแรมภายในประเทศและปิดโรงแรมในยุโรป ยกเว้นบํางโรงแรมที่เปิดเพื่อช่วยรองรับหน่วยทางการแพทย์เท่านั้น สำหรับ CENTEL เริ่มการปิดโรงแรมและรีสอร์ทบางส่วนในเดือนเม.ย.63 ในต่างจังหวัดให้เหลือบริการเพียงจังหวัดละ 1 โรง และปิดบริการในมัลดีฟทั้งหมด ขณะที่ERW ได้ทำการปิดโรงแรม Hop Inn ทั้งหมดในฟิลิปปินส์6 โรงไปแล้ว และคาดจะทยอยปิดโรงแรมในประเทศเพิ่มเติมในลำดับถัดไป (Source: ตลาดหลักทรัพย์)
Our Take
► สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 เริ่มส่งผลกระทบต่อกลุ่มท่องเที่ยวอย่างสายการบินและกลุ่มโรงแรมมากยิ่งขึ้น เราคาดกลุ่มจะถูกผลกระทบหนักในช่วง 2Q63
โดยเฉพาะเดือน เม.ษ.63 รวมไปถึงหุ้นสนามบินอย่าง AOT ด้วย► MINT CENTEL ERW: เราคาดผลกระทบต่อรายได้ที่หายไปต่อกลุ่มโรงแรมในช่วง 1-2เดือนข้างหน้าราว 13% อย่างไรก็ดี การปิดโรงแรมมีข้อดีคือช่วยให้สามารถลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป เช่น ค่าไฟและค่าดำเนินการ ขณะที่งบดุลของหุ้นในกลุ่มยังแข็งแกร่งทำให้สามารถรองรับการปิดโรงแรมในช่วง 2-3 เดือนได้ไม่ยาก ไม่ต้องกังวลเรื่องกํารคืนหนี้ หรือ ไม่ต้องกังวลการเพิ่มทุน
►AOT (BK:AOT): ค่าลงจอดและรายได้ต่อหัวจากผู้โดยสารคิดเป็ น 12% และ 42% ของรํายได้ทั้งปี2562 ตํามลำดับ นอกจํากนี้ AOT ยังได้รับผลกระทบจาก Concession revenue ที่จะลดลงตํามจำนวนนักท่องเที่ยวด้วย หลังปรับมาใช้Revenue sharing อย่างไรก็ดีมาตรการหยุดบินของสายการบินเป็นมาตรการจะทำให้การควบคุมโรคทำได้ มี
ประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะที่ประมาณการกำไรของ AOT ปี2562/63 ของเราที่ -43%YoY สะท้อนผลกระทบ COVID-19 ไปมากแล้ว หากโรคถูกควบคุมได้ภายใน 3 เดือน
ประมาณการของเรายังสมเหตุสมผล แต่หากสถานการณ์ยังลากยาว ประมาณการจะเริ่มมี Downside Risk เราคงคำแนะนำ TRADING ที่58.00 บาทต่อหุ้น และประเมิน
ระดับน่าสนใจสะสม ที่ +/-45.00 บาทต่อหุ้น เช่นเดิม► ในแง่มูลค่า หุ้นในกลุ่ม ซื้อ ขาย ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตอย่างมีนัยสำคัญ (-2SD) และหุ้นโรงแรมบางตัว เช่น MINT ลงไปซื้อขายที่ระดับ Book Value แล้ว ทำให้เชื่อว่าDownside ของหุ้นจำกัดมากแล้ว แม้อุตสาหกรรมยังต้องเผชิญแรงกดดันเชิงลบอีก
ระยะ
► เราแนะนำนักลงทุนทยอยหาจังหวะสะสมหุ้นในกลุ่ม ในช่วงเดือน 1-2 เดือนข้างหน้า ที่น่าจะเป็นจุด Peak ของสถานการณ์การระบาดของโรค เพื่อลุ้นกับการฟื้นตัวกลับเข้าสู่
กำไรปกติของกลุ่มอีกครั้ง เราให้ AOT (TP 58.00 THB) เป็นตัวเด่นของกลุ่ม และเลือกCENTEL (TP THB21.30) เป็นตัวเด่นของกลุ่มโรงแรม จากงบดุลที่แข็งแกร่งที่สุด