แนวโน้มกำไรปกติใน 1Q63 ยังเติบโตสูง YoY
คาดกำไรปกติใน 1Q63 เติบโตเล็กน้อย QoQ มีปัจจัยหนุนจากความเข้มแสงที่มากขึ้นจากผลของฤดูกาลและภาวะภัยแล้ง และเติบโต YoY สูง เนื่องจากรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าพลังงานลม โครงการหนุมาน ขนาด260 MW ที่เริ่มทยอย COD ตั้งแต่ปลายเดือน ม.ค. 62 ทำให้กำลังการผลิตด้านธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นเป็น 664 MW โดยมีสัดส่วนพลังงานแสงอาทิตย์ที่ 42% และสัดส่วนพลังงานลมที่58%
กำไรปกติปี 2563 ทํา ระดับสูงสุดใหม่
คาดกำไรปกติในปี 2563 อยู่ที่ 6,521 ลบ. เติบโต 11.4% ทำระดับสูงสุดใหม่ มีปัจจัยหนุนจาก 1) รับรู้รายได้โรงไฟฟ้าพลังงานลม โครงการหนุมาน ขนาด 260 MW เต็มปี ซึ่งทยอย COD ไปตั้งแต่ปลายเดือนม.ค. 62 2) เริ่มรับรู้รายได้หน่วยธุรกิจ Bio-PCM ที่ปัจจุบันมีคำสั่งซื้อรองรับเป็นที่แน่นอนแล้ว คาดโรงงานขนาด 65 ตันต่อวันจะเริ่มดำเนินการผลิตและส่งมอบได้ภายใน 2Q63 เป็นต้นไป 3) หน่วยธุรกิจ EV Car ที่มียอดจองราว 5,000 คัน คาดจะสามารถทยอยส่งมอบได้ตั้งแต่ 2Q63 เป็นต้นไป และ 4) โรงงานแบตเตอรี่ขนาด 1GWh คาดจะสามารถดำเนินการได้ภายใน 4Q63 โดยเบื้องต้นจะทำการผลิตแบตเตอรี่และนำมาใช้ภายในหน่วยธุรกิจอื่นๆของบริษัท (Internal use) อาทิ EV Car, E-Ferry และ สถานีชาร์จอัดประจุไฟฟ้า
คงราคาเป้าหมาย แต่ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ”
โรคระบาด COVID – 19 เป็นปัจจัยกดดันหน่วยธุรกิจ EV Car เนื่องจากเบื้องต้นงาน Motor Show Thailand 2020 ถูกเลื่อนจาก 25 มี.ค. 63 เป็น 22 เม.ษ. 63 และมีโอกาสเลื่อนออกไปอีกหากสถานการณ์โรคระบาด COVID – 19 ยังไม่บรรเทา รวมทั้งเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอตัวส่งผลให้ยอดคำสั่งซื้อรถ EV Car ในปี2563 อาจไม่เป็นไปตามเป้าที่ 5,000 คัน อย่างไรก็ตาม เรายังไม่รวมรายได้ส่วนนี้ไว้ในประมาณการ ขณะที่ราคาเป้าหมายปี 2563 ของเราที่ 43.00 บาทต่อหุ้น ได้รวมความเสี่ยงจากธุรกิจแบตเตอรี่ที่อาจมีอุปสงค์เลื่อนออกไปจากภาวะโรคระบาด COVID – 19 และการปรับตัวของราคาน้ำมันแล้ว ราคาปัจจุบันซื้อขายบน PER2563 เพียง 18.9x หลังราคาร่วงลง 24.6% YTD ตามภาวะตลาด ทำให้มี Upside ถึง 30.3% เรามองว่าราคาหุ้นสะท้อนความเสี่ยงดังกล่าวไปมากแล้ว ขณะที่กำไรจากธุรกิจหลักอย่างพลังงานทดแทนยังคงเติบโต จึงปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” จาก “Trading”
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Yuanta Securities