ผลประกอบการปี 2562 ออกมาดีกว่าคาด
บริษัทรายงานกำไรสุทธิปี 2562 ที่ 3.9 พันล้านบาท (+15.8%YoY) ในขณะที่กำไรปกติ4Q62อยู่ที่ 1.1 พันล้านบาท (+0.7% QoQ, +10% YoY) รายได้ทั้งปี 2562 เติบโตที่ระดับ 7% ดีกว่าที่เราคาดที่ระดับ 6.5% มาจากธุรกิจบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เติบโตเด่นถึง 9.7% คิดเป็น 55 %ของยอดขาย จากทั้งการออกผลิตภัณฑ์ชนิดใหม่และการจัดกิจกรรมทางการตลาด ส่วนธุรกิจเบอรี่กลับมาเติบโตที่ระดับ 3% คิดเป็น 32% ของยอดขาย อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 36.2% เทียบกับปี2561 ที่35.2% จากต้นทุนการผลิตอย่างน้ำมันปาล์มโดยเฉลี่ยลดลง YoY
สัญญาณมหภาคชี้ชัด ... พร้อมเติบโตเด่นท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่เปราะบาง
สภาพัฒน์รายงานเศรษฐกิจไตรมาส 4Q62 ที่ระดับ 1.6% (-100 bps YoY, -220 bps YoY) ภาพรวมทั้งปี 2562 GDP ขยายตัวเพียง 2.4% ขณะที่ภาพปี 2563 BOT ประมาณการ GDP ที่ -5% YoY เติบโตต่ำกว่าปี2551 ที่เกิด Subprime Crisis สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ. 63 ที่64.8 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่12 และอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 20 ปี11 เดือน นับตั้งแต่เดือนเม.ย.42อย่างไรก็ดี สำนักงานอุตฯ รายงานยอดขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเดือนก.พ.63เติบโตด้วยอัตราเร่งที่15.2% และยอดสะสมตั้งแต่ต้นปี เติบโต 4.4%
ไวรัส COVID-19 เร่งการเติบโตยอดขาย แต่ต้องระวังราคาน้ำมันปําล์มกดดัน
นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 ที่ไวรัส COVID-19 ที่แพร่กระจายเป็นวงกว้างมากขึ้น ส่งผลให้ยอดขายมาม่าของบริษัทฯเติบโตเด่นถึง 13% MoM ในเดือนก.พ.63เราคาดยอดขายมีโอกาสเร่งตัวขึ้นอีกในเดือนมี.ค.63 ที่มีการกักตุ้นอาหาร หากโรคระบาดควบคุมได้ช้า อานิสงค์เชิงบวกอาจลากยาวไปถึง 2Q63 อย่างไรก็ดี ยอดขายที่โตเด่นเป็นการดึงการบริโภคในอนาคตมาใช้ซึ่งจะส่งผลต่อการเติบโตของยอดขายในปีถัดไป ในส่วนของราคา
น้ำมันปาล์มที่ปรับตัวสูงขึ้นนับตั้งแต่ต้นปี กดดันต่ออัตรากำไรขั้นต้นระยะสั้น โดยน้ำมันปาล์มคิดเป็น 13%-15%ของต้นทุนการผลิต โดยจะเริ่มเห็นผลกระทบในช่วงไตรมาส 2 เป็นต้นไป เป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม
ปรับเพิ่มประมําณกํารปี 2563 ... คงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ 227 บาทต่อหุ้น
เราคาดกำไรปกติปี 2563และ 2564 ที่ 4.2 พันล้านบาท (+8.7% YoY) และ 4.3 พันล้านบาท (+1.4% YoY)ตามลำดับ หลักๆมาจาก 1) การปรับสมมติฐานการเติบโตของรายได้ในปี 2563 ขึ้น 220 bps และปี2564 ลง150 bpsและ 2) เราปรับลดรายได้จากดอกเบี้ยรับและเงินปันผลรับลดลงในปี 2563และ 3) อัตรากำไรขั้นต้นเป็น 35.6% (รายละเอียดในตารางที่ 2) ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงราคาของตราสารที่บริษัทลงทุนจะถูกบันทึกในงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ ทำให้ความผันผวนของตลาดการเงินทุนดังกล่าวไม่มีผลต่อกำไรปกติเราคงคำแนะนำ “ซื้อ” อิงปรับราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2563 ที่ 227.00 บาทต่อหุ้น จาก 1) สถานะทางการเงินของบริษัทแข็งแกร่งเป็น Net Cash 2) คาดอัตราเงินปันผลอยู่ที่ราว 2.5% สูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ที่ 1.5% ในแง่การประเมินมูลค่า เราปรับไปใช้ –1.5SD ของ PE กลุ่มบะหมี่สำเร็จรูปในภูมิภาคคิดเป็น 17.8เท่าจากก่อนหน้าที่ -1.0SD เพื่อให้สะท้อนความเสี่ยงราคาน้ำมันปาล์มและความผันผวนของตลาดการเงินที่ปรับตัวสูงขึ้นนับตั้งแต่ต้นปีความเสี่ยงสำคัญได้แก่ 1) การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค และ 2) ภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวแรงผิดคาด 3)การเปลี่ยนแปลงราคาต้นทุนวัตถุดิบ และ 4) การเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ภาครัฐที่เกี่ยวข้อง
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Yuanta Securities