COVID-19 ทำศูนย์ปิดไป 32 แห่งจาก 35 แห่ง
หลังจากรัฐบาลประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉินที่เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมาครอบคลุมเวลาถึงสิ้นเดือน เม.ย. เพื่อเป็นการป้องกันการระบาดของโรค COVID19 ที่เริ่มมีผู้ติดเชื้อตั้งแต่เดือน ม.ค. มาตรการหนึ่งที่ออกมาคือการสั่งปิดศูนย์การค้าต่างๆ ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดหลายแห่ง ส่งผลให้ศูนย์การค้าของCPN มีการประกาศปิดด้วยเช่นกัน โดยล่าสุดมีการประกาศปิดไปแล้ว 32 ศูนย์(รวมที่มาเลเซีย) คิดเป็นพื้นที่รวมกว่า 94% ของพื้นที่เช่าทั้งหมด เหลือเพียงสาขาเกาะสมุย สุราษฎร์ธานี และอุบลราชธานีที่ยังเปิดดำเนินการอยู่เท่านั้น (ส่วนพื้นที่ในศูนย์ที่ถูกปิดที่ยังสามารถเปิดได้อยู่เป็นในส่วนร้านอาหารและธนาคารคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40% แต่รายได้จากส่วนดังกล่าวไม่สามารถรับรู้ได้เต็มที่เนื่องจากร้านอาหารไม่สามารถให้บริการทานที่ร้านได้ส่วนธนาคารมีลูกค้าที่ลดลง ขณะที่Supermarket ไม่มีรายได้เข้ามาแต่อย่างใดเพราะเป็นส่วนที่ร้านค้าลงทุนเอง) ทั้งนี้
ทาง CPN (BK:CPN) มองว่าหลังจากกลับมาเปิดศูนย์ได้แล้วคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1เดือนจึงจะกลับสู่ภาวะปกติ ขณะที่การให้ส่วนลดกับศูนย์ที่เปิดในปัจจุบันจะให้ที่ระดับ 10-50% และจะมีการให้ส่วนลดกับศูนย์ที่ถูกปิดไปด้วยเช่นกัน (ปัจจุบันศูนย์ที่ถูกปิดไม่มีการคิดค่าเช่าแต่อย่างใด) โดยรายได้ส่วนนี้ในปี 19 คิดเป็นสัดส่วนกว่า87% ของธุรกิจหลัก ซึ่ง CPN คาดว่าจะมีรายได้ลดลงประมาณ 15-25%YoY จากเดิมคาดว่าจะเติบโต 6-8%YoY รายได้จากธุรกิจการขายอาหารมีสัดส่วนประมาณ 2% ของธุรกิจหลัก ได้รับผลกระทบจากการที่ไม่สามารถให้นั่งทานที่ร้านได้คาดว่าจะลดลง 10-20%YoYจากเดิมคาดว่าจะเติบโต 5-10%YoY
ธุรกิจโรงแรม (สัดส่วนรายได้ประมาณ 3% ของธุรกิจหลัก) ด้วยภาวะนักท่องเที่ยวที่ลดลงมากทำให้ทาง CPN ตัดสินใจปิดโรงแรมทั้ง 2 แห่งที่ดำเนินการอยู่ทั้งที่อุดรธานีและโรงแรม Hilton พัทยา ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. เป็นต้นไป โดยโรงแรมHilton จะมีการปรับปรุงใหญ่ในเดือน พ.ค.-พ.ย. และคาดว่าจะกลับมาเปิดได้ในช่วงปลายปี (ส่วนที่อุดรธานีต้องรอติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดอีกที)ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ (สัดส่วนรายได้ประมาณ 8% ของธุรกิจหลัก) ด้วยภาวะศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างมากทำให้การเปิดโครงการใหม่อาจจะต้องมีการชะลอไปก่อน โดยในปี 20 คาดว่าจะรับรู้จากโครงการที่เปิดตัวไปในปีก่อนและมีกำหนดเสร็จในปีนี้อย่างโครงการที่อุบลราชธานีและที่เชียงใหม่ ทำให้รายได้มีโอกาสจะปรับตัวลดลงประมาณ 30%YoY จากเดิมคาดว่าจะเติบโต 20%YoYอย่างไรก็ตามในส่วนของค่าใช้จ่ายต่างๆ คาดว่าจะปรับลดลงในส่วนของต้นทุนผันแปรที่คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40% ของต้นทุนรวมลงได้ โดยเฉพาะค่าการตลาดและค่าสาธารณูปโภค
อยู่ระหว่างทบทวนแผนลงทุนในอนาคต
จากปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้ทาง CPN มีการทบทวนแผนการลงทุนในอนาคตเพื่อเป็นการบริหารสภาพคล่องของบริษัทให้ยังเดินหน้าต่อไปได้ แต่แผนเปิดศูนย์การค้าที่ประกาศไปแล้วยังคงเดินหน้าต่อไป (อยุธยา ศรีราชา จันทบุรี และโครงการดุสิตเซ็นทรัล พาร์ค) โดยในแง่ของสถานะทางการเงินนั้นทาง CPN มองว่าด้วยอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน (Net D/E) ที่ ณ สิ้นปี 19 มีเพียง 0.37 เท่า ขณะที่ข้อกำหนดภายในของบริษัทมีไว้ไม่เกิน 1 เท่า จึงยังสามารถจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อใช้บริหารสภาพคล่องได้อีกมาก
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่ cgsec.co.th