เมื่อวันที่ 21 มี.ค. ที่ผ่านมาทางผู้ว่ากรุงเทพมหานคร นาย อัศวิน ขวัญเมือง ประกาศปิดสถานที่ต่างๆใน กรุงเทพฯ โดยเป็นสถานที่เกี่ยวข้องกับการรวมตัว กันหมู่มากของสังคม การสัมผัสร่างกายกัน อาทิ ห้างสรรพสินค้า (ยกเว้น Super Market , ร้านขายยา ) ร้านนวด ร้านตัดผม ร้านเสริมสวย สวนสนุก ศูนย์แสดง สินค้าต่างๆ ในช่วงแรกนั้นได้ประกาศปิดสถานที่ข้างต้นเป็นระยะเวลาถึง 12 เม.ย. อย่างไรก็ตามภายหลังจาก พ.ร.ก. ฉุกเฉินได้ประกาศใช้ทำให้ทางผู้ว่ากทม. ออกมาประกาศขยายระยะเวลาปิดให้เท่ากับเวลา พ.ร.ก. ฉุกเฉิน เบื้องต้นมี กำหนดจะสิ้นสุดในสิ้นเดือน เม.ย. (30 )
เราประเมินผลกระทบต่อหุ้นตัวไหนบ้าง ในส่วนของบริษัทจดทะเบียนทั้งตลาดฯเราประเมินว่ากลุ่ม พื้นที่ให้เช่า (CPN MBK SF) ห้างค้าปลีกที่ไม่เกี่ยวข้องกับอาหารการกิน (CRC GLOBAL HMPRO DOHOME) โรงภาพยนตร์ (MAJOR) ร้านอาหาร (AU CENTEL M MINT) ร้าน ขายอุปกรณ์ IT , สินค้าแฟชั่น (COM7 SABINA ) ร้านนวด (SPA) แต่หากเป็นใน CGS Coverage จะประกอบไปด้วย (CPN SPA SABINA MAJOR COM7) CPN (BK:CPN) (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 60 บาท) เราปรับราคาเป้าหมายบริษัทลง มาเหลือ 60 บาท จากเป้าหมายเดิม 79 บาท เพื่อเป็นการสะท้อนผล ประกอบการที่เราประเมินว่าจะลดลง 23 %YoY บนสมมติฐานปิด ศูนย์การค้า 1 เดือน
ปัจจุบันทางบริษัทได้ทำการปิดศูนย์การค้า ทั้งหมดราว 32 สาขา (ยกเว้นร้านอาหาร ร้านขายยา ธนาคาร) ทั้งนี้ แม้สัดส่วนรายได้ 40% จะมาจากร้านอาหารและธนาคารแต่รายได้จาก ส่วนดังกล่าวมิสามารถรับรู้ได้เต็มที่เนื่องจากร้านอาหารไม่สามารถ ให้บริการทานที่ร้านได้ส่วนธนาคารลูกค้าลดลง ส่วนร้านค้าที่ถูกปิดไป นั้นทางบริษัทไม่ได้มีการคิดค่าเช่าแต่อย่างใด โดยสัดส่วนรายได้ส่วนนี้ คิดเป็นราว 87% ของธุรกิจหลัก ดังนั้นหากจะกล่าวโดยสรุปในแง่ของ รายได้บริษัทประเมินว่าจะลดลง 15 -25 %YoY จากเดิมคาดว่าจะเติบโต ได้ 6 - 8 %YoY สำหรับแผนการลงทุนอนาคตนั้นอยู่ระหว่างทบทวนเพื่อ เป็นการบริหารสภาพคล่องให้ยังเดินต่อไปได้ แต่แผนการเปิด ศูนย์การค้าที่ประกาศไปแล้วยังเหมือนเดิม (อยุธยา ศรีราชา จันทบุรี )
ทั้งนี้ในเบื้องต้นเราตั้งสมมติฐานว่าบริษัทจะใช้เวลาปิดศูนย์การค้าเพียง 1 เดือนและจะเปิดทำการอีกครั้งในช่วงต้นเดือน พ.ค. หากเป็นดังที่ ตั้งสมมติฐานไว้รายได้ในปี 20 ( -21 %YoY) ส่วนกำไรสุทธิ -23 %YoY แต่หากปิดต่ออีก 1 เดือนคาดว่ารายได้จะลดลง 25 %YoY และกำไร สุทธิจะลดลง 28 %YoY สำหรับคำแนะนำระยะสั้นคาดผลประกอบการ จะเห็นผลกระทบช่วง 2 Q20 (ปิดเต็มเดือน) แต่ถ้ามองระยะยาวแล้ว ผลประกอบการปี 21 มีโอกาสฟื้นตัวเด่นอย่างมากราคาที่ปรับตัวลงมา จึงมองเป็นโอกาสของการลงทุนระยะกลาง - ยาวขึ้นไป
Strategy Update
SPA (ถือ / Under Review) มีมุมมองเชิงลบต่อบริษัทในช่วง 1Q20 - 2Q20 โดยมองว่าจะกระทบหนักในช่วง 2Q20 เนื่องจากรายได้กว่า 90 % มาจากธุรกิจบริการสปา ปัจจุบันบริษัทได้ปิดทำการสาขาใน กรุงเทพและปริมณฑลตั้งแต่ 18 มี.ค. - 30 เม.ย. ส่วนต่างจังหวัด ตั้งแต่วันที่ 19 มี.ค. - 1 เม.ย. นอกจากนี้ยังมองว่าได้รับอีกผลกระทบ จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ (ต่างชาติ 75% รายได้ ) โดยการท่องเที่ยว แห่งประเทศไทยคาดว่านักท่องเที่ยวในปี 20 จะลดลงราว 24% มาอยู่ ที่ 30 ล้านคนนอกจากรายได้จะหายไปจากการปิดสาขาชั่วคราวแล้ว บริษัทยังต้องแบกรับต้นทุนคงที่ไว้ (เงินเดือนพนักงาน ) แนะชะลอ
SABINA (BK:SABINA) (ซื้อ / Under Review) ปัจจุบันบริษัทมีรายได้จากการขาย ผ่านหน้าร้านแบบ Modern Trade และ Hypermarket คิดเป็นสัดส่วน รายได้ประมาณ 80% ของรายได้รวมเราจึงลองตั้งสมมติฐานว่าร้านค้า 2 แบบข้างต้นปิดทำการทุกสาขาผลลัพธ์ที่ได้เป็นดังนี้ กรณีปิด 1 เดือนคาดว่ายอดขายทั้งปีจะลดลง 21 %YoY และกำไรสุทธิจะลดลง 39 %YoY กรณีปิด 3 เดือน ยอดขายจะลดลง 27 %YoY และกำไรสุทธิ จะลดลง 76 %YoY แต่เลวร้ายสุดปิด 6 เดือน ยอดขายจะลดลง 39 %YoY และกำไรสุทธิจะลดลง 98 %YoY
MAJOR (BK:MAJOR) (ซื้อ / Under Review) การปิดโรงภาพยนตร์ถึงสิ้นเดือน เมษายน จะส่งผลให้บริษัทเสียโอกาสทำรายได้ในช่วง High Season หากพิจารณาจากกราฟด้านขวามือจะพบว่าทุกช่วงของ 2Q ทุกปีจะมี กำไรที่สูงกว่าไตรมาสอื่น (กราฟทางขวา) ขณะที่เชื่อว่าหากกลับมา เปิดปกติ Sentiment ของผู้บริโภคจะค่อยๆกลับมา ทั้งนี้ในแง่ของ ต้นทุนนั้นประเมินผลกระทบจำกัดเนื่องจากค่าเช่าจะผันแปรตามวัน ดำเนินกิจการของบริษัท ด้าน Valuation ก็ลงมาซื้อขายเพียง 10.3x เทียบกับกำไรย้อนหลัง 4 ไตรมาส ต่ำสุดในรอบ 11 ปี เชื่อว่าสะท้อน ความกังวลไปบ้างแล้ว ขณะที่อีกจุดเด่นบริษัทคือปันผลจากกำไร 100 % ราคาปัจจุบันจึงพอคาดหวังระดับ Dividend Yield ได้ถึง 10% จึงมองเป็นโอกาสทยอยสะสมมากกว่า
COM7 (BK:COM7) (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย 24.6 บาท) คาดผลกระทบต่อประมาณ การยอดขายและกำไรสุทธิปี 2020 ที่ 5.8% และ 5.4% ตามลำดับ บนสมติฐานที่รายได้ 45% มาจาก กทม. และ บริเวณใกล้เคียง และ 15% มาจากเมืองท่องเที่ยวต่างๆทั่วประเทศ (ปิดถึง เม.ย. ) แต่กรณี เลวร้ายที่สุดถ้ามีการยืดระยะเวลาปิดไปอีกถึงสิ้นเดือน มิถุนายน คาด จะส่งผลกระทบต่อรายได้และกำไร 16% และ 15% ตามลำดับ ทั้งนี้ บริษัทพยายามที่จะหารายได้ผ่านช่องทางอื่นเผื่อลดผลกระทบจาก ปัจจัยดังกล่า ว อาทิ การขายผ่าน online มากขึ้น (2% ของรายได้รวม ปี 2019) และ การเปิดให้เช่า อุปกรณ์ โน็ตบุ๊ค แท็บเล็ต ต่างๆ สำหรับองค์กรเพื่อตอบโจทย์กับมาตรการ ท างานที่บ้าน ในฝั่งของ ต้นทุนทางผู้ให้เช่า อาทิCPN ก็มีมาตรการเยียวยาผ่อนปรนค่าเช่า (3% ของต้นทุนรวม) ในช่วงเวลาดังกล่าว โดยเราคาดจะช่วยประหยัด ค่าใช้จ่ายไปได้ 50 -150 ล้านบาท ทั้งนี้เราประมาณการกำไรสุทธิใหม่ที่ 1.17 พันล้านบาท ( - 4 %YoY )
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่ cgsec.co.th