Earning Result
TMB (BK:TMB) รายงานกำไรสุทธิช่วง 1Q63 จำนวน 4,164 ลบ. โต 163.8%YoY ดีกว่าที่เราและตลาดคาดมาก โดยมีปัจจัยบวกหลักดังนี้ 1) รายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิปรับขึ้นเด่น 124.7%YoY สอดคล้องกับพอร์ตสินเชื่อที่ขยายตัว 104.2%YoY หลังรวมงบการเงินของ TBANK เข้ามาเต็มไตรมาสเป็นครั้งแรก บวกกับ NIM ที่กว้างขึ้นเป็น 3.11% จากเพียง 2.85% ในช่วง 1Q62 หลังมีสินเชื่อ High Yield ของ TBANK ทั้งในส่วนของสินเชื่อเช่าซื้อยานยนต์ และสินเชื่อกลุ่ม Cash Your Car เพิ่มเข้ามาในพอร์ตสินเชื่อรวม การรับรู้ผลบวกจาก TFRS9 ทั้งการเร่งรับรู้รายได้ดอกเบี้ยรับของสินเชื่อที่มีดอกเบี้ยแบบ Step-up rate และการรับรู้รายได้บางส่วนจากลูกหนี้ที่เป็น NPL นอกจากนี้ยังมีแรงหนุนจากต้นทุนดอกเบี้ยที่ปรับลงจากการทยอยลดดอกเบี้ยเงินฝาก, การลดเงินฝากต้นทุนสูงของฝั่ง TBANK และมาตรการลดเงินส่งกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาสถาบันการเงิน (FIDF) จาก 0.46% เหลือ 0.23% ของเงินฝาก 2) รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยโต 83.4%YoY โดยหลักๆ มาจากรายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นตามฐานของพอร์ตสินเชื่อที่ขยายตัว และมีบันทึกรายได้จากค่าธรรมเนียม Transition Fee จาก Prudential ราว 1.3 พันลบ. ตามแผนเปลี่ยน Partner ในธุรกิจ Bancassuranceและ 3) ความสามารถในการคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานดี ขึ้น โดยแม้ OPEX ปรับขึ ้น 75.8% หลังรวมค่าใช้จ่ายพนักงานของ TBANK เข้ามา แต่ Cost to Income Ratio ที่ลดลงมากจาก 55.6% ในช่วง 1Q62 เหลือ 45.8%
คุณภาพสินทรัพย์โดยรวมของ TMB ยังค่อนข้างทรงตัว โดยมี NPL Ratio ภายใต้มาตรฐานบัญชีใหม่ที่ 3.14% และมี Coverage Ratio 105.7% หลังมีการตั้งสำรองพิเศษเพื่อรองรับความเสี่ยง จาก ศก. ในประเทศที่ชะลอตัวลง ราว 1 พันลบ.
Our Take
แม้กำไรสุทธิในช่วง 1Q63 จะคิดเป็น 32.3% ของประมาณการทั้งปี แต่ในเบื้องต้นเรายังคงประมาณการเดิม เนื่องจากเราคาดแนวโน้มของกำไรตั้งแต่ช่วง 2Q63 เป็นต้นไปจะเริ่มอ่อนตัวลง จากผลกระทบของ ศก. ในประเทศที่ชะลอตัว และกิจกรรมทาง ศก. ที่ลดลงไปมาก อีกทั้งด้วย Coverage Ratio ของ TMB ที่อยู่ในระดับ 105.7% ยังค่อนข้างต่ำถ้าเทียบกับแบงก์อื่นที่มีสัดส่วนสินเชื่อที่มีหลักประกันในสัดส่วนสูงอย่าง KKP และ TISCO ที่มี Coverage Ratio อยู่ที่ 115.9% และ 189.8% ตามลำดับสะท้อนความเสี่ยงที่ TMB อาจจะต้องตั้งสำรองพิเศษเพิ่มเติม ในช่วงถัดไปหาก NPL เริ่มขยับขึ้นจากปัจจุบัน อย่างไรก็ดีภายใต้ประมาณการของเรายังคงคาด TMB จะมีกำไรสุทธิในปี 2563 จำนวน 12,903 ลบ. โตเด่น 78.7%YoY หนุนด้วยการรวมงบการเงินของ TBANK เข้ามาเต็มปีเป็นครั้งแรก และกลยุทธ์ Balance Sheet Optimization ที่ตั้งเป้าเพิ่มสินเชื่อ High Yield และลดเงินฝากต้นทุนสูงของ TBANK พร้อมๆ กับลดสินเชื่อ Low Yield และเพิ่มเงินฝากต้นทุนต่ำของ TMB ช่วยให้ NIM ทยอยปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เรายังคงให้ TMB เป็น Top Pick ของกลุ่มจากความโดดเด่นในแง่ของผลประกอบการในปีนี้ที่โตอย่างก้าวกระโดด ขณะที่ราคาหุ้นซื้อขายในระดับ PBV ที่ต่ำเพียง 0.45x ต่ำสุดในกลุ่มและต่ำกว่าระดับ PBV ในอดีต อีกทั้งมี Upside ราว 21.4% จากมูลค่าพื้นฐานเดิมที่ 1.14 บาท (วิธี GGM) เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Yuanta Securities