ราชาแห่งสกุลเงินดิจิทัลบิทคอยน์ สร้างความประทับใจกับผู้ศรัทธาในสกุลเงินดิจิทัลด้วยการปรับตัวขึ้นมา 3 วันติดต่อกัน แต่ที่น่าประทับใจมากกว่านั้นคือบิทคอยน์ในสัปดาห์นี้คือตลาดที่วิ่งมากที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดลงทุนอื่นๆ ดัชนีS&P 500 ปรับตัวขึ้นประมาณ 30% ราคาทองคำปรับตัวขึ้น 17% ราคาน้ำมันแม้จะสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการติดลบเกือบ $40 เมื่อเดือนที่แล้วสามารถวิ่งขึ้นได้แต่กราฟบิทคอยน์สามารถวิ่งขึ้นได้มากถึง 132%
เมื่อบิทคอยน์วิ่งขึ้นก็ย่อมมีคนให้ความสนใจและกลายเป็นที่ถกเถียงว่าตกลงแล้วการวิ่งขึ้นมาของบิทคอยน์เกิดจากสาเหตุอะไร คำถามนี้สำคัญต่อวงการคริปโตฯ ในตอนนี้มากเพราะช่วงเวลาที่นักวิเคราะห์คาดการณ์กันไว้ว่าผลตอบแทนสำหรับนักขุดบิทคอยน์จะถูกหั่นครึ่งในวันที่ 12 พฤษภาคมนี้กำลังใกล้จะมาถึงแล้วและนั่นคือสาเหตุที่ทำให้กราฟบิทคอยน์ปรับตัวขึ้นมาจริงหรือไม่ โจเซฟ ยัง ได้แสดงความคิดเห็นไว้กับเว็บไซต์ Cointelegraph ซึ่งเป็นเว็บไซต์ชื่อดังในวงการคริปโตเคอเรนซี่ว่า
“จากประวัติศาสตร์ของกราฟบิทคอยน์ในอดีตเผยให้เห็นว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่แนวโน้มใหญ่ของบิทคอยน์เกิดขึ้นที่สุดต่ำสุดของราคาด้วยแรงซื้อมหาศา่ล เมื่อนั้นมีความเป็นไปได้ที่กราฟบิทคอยจะกลายเป็นขาขึ้นระยะยาว”
นายโจเซฟคาดการณ์ว่ากราฟบิทคอยน์จะมีการย่อลงมาก่อนเมื่อขึ้นถึงแนวต้านสำคัญ ก่อนที่จะตามมาด้วยแนวโน้มขาขึ้นในระยะกลางและระยะยาวซึ่งเขาถึงกลับเรียกขาขึ้นครั้งนี้ว่า “ขาขึ้นครั้งใหญ่” เลยทีเดียว เราไม่ได้เห็นด้วยกับการวิเคราะห์ของนายโจเซฟไปเสียทั้งหมด เราทราบดีว่าบิทคอยน์กำลังอยู่ในจุดหัวเลี้ยวหัวต่อที่จะกลายเป็นแนวโน้มขาขึ้นครั้งใหม่ ในบทความนี้เราต้องการจะมองหาพฤติกรรมราคาที่ช่วยเน้นย้ำการคาดการณ์ของเขา จากความเห็นของเรา (และราคา) เราคิดว่าในตอนนี้นักลงทุนที่สะสมเหรียญบิทคอยน์ยังไม่ได้ตัดสินใจแน่ชัดว่าบิทคอยน์ควรวิ่งไปทางไหนกันแน่
จริงอยู่ว่ากราฟบิทคอยน์ปรับตัวขึ้นมา 3 วันติดต่อกันแล้วแต่ความจริงอีกอย่างหนึ่งก็คือนั่นถือเป็น 3 จาก 8 วันที่กราฟบิทคอยน์พยายามจะเจาะกรอบราคาขาลงใหญ่ (เส้นสีดำด้านบน) ขึ้นไปให้ได้ ถ้าราคายังคงวิ่งอยู่ตามกรอบของราคาขาลงเราจะได้เห็นกราฟบิทคอยน์วิ่งกลับลงไปที่ $4000 อีกครั้งแต่ถ้ากราฟสามารถเจาะแนวต้านนี้ขึ้นไปได้เราอาจจะได้เห็นกราฟบิทคอยน์กลับขึ้นไปทดสอบระดับราคาที่ $14,000 เลยทีเดียว
สาเหตุที่แนวโน้มขาลงกลายเป็นผู้ครองตลาดบิทคอยน์มานับตั้งแต่เดือนมิถุนายนปี 2019 เพราะในตอนนั้นหลังจากที่ขาขึ้นพยายามต่อสู้เพื่อดึงกราฟบิทคอยน์ให้สามารถกลับขึ้นไปสู่จุดสูงสุดเกือบ $20,000 ให้ได้โดยเร็ว บริเวณนั้นเป็นจุดที่อ่อนไหวสำหรับตลาดทั้งสองมาก ใครก็สามารถครองตลาดในช่วงเวลานั้นได้ทั้งนั้นแต่เพราะก่อนหน้านี้บิทคอยน์ได้วิ่งลงมาจากเกือบ $20,000 ลงมายังระดับราคาประมาณ $4000 ได้ ทำให้นักลงทุนฝั่งขาขึ้นที่ไม่ค่อยมั่นใจเลือกที่จะไปเข้าข้างตลาดหมีมากกว่าและนั่นคือจุดกำเนิดของขาลงระยะยาวในบิทคอยน์มาจนถึงปัจจุบัน
อย่างไรก็ตามนักลงทุนในทุกๆ แนวโน้มไม่เคยทิ้งความเป็นไปได้ของแนวโน้มฝ่ายตรงข้ามเทรนด์หลัก จากสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบันทำให้ความไม่เชื่อมั่นเกิดขึ้นในตลาดลงทุนอื่นๆ และบิทคอยน์ก็ถือเป็นทางเลือกสำหรับการลงทุนอีกตลาดหนึ่ง นั่นคือหนึ่งในสาเหตุที่บิทคอยน์กลับมามีค่าในสายตาของนักลงทุนอีกครั้ง
เมื่อพิจารณากราฟบิทคอยน์เฉพาะช่วงตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2020 เป็นต้นมาจะเห็นได้ว่าราคาได้สร้างรูปแบบธง (เส้นประสีแดง) ขึ้นซึ่งแสดงให้เห็นถึงสัญญาณการไปต่อของขาขึ้น แต่ความเป็นไปได้นั้นก็ยังคงติดเส้นเทรนด์ไลน์สีดำจากกรอบราคาขาลงใหญ่และกรอบสามเหลี่ยมเล็ก (เส้นสีแดงทึบ) เมื่อดูแต่ราคาแล้วไม่สามารถหาคำตอบได้ ดังนั้นเราจึงต้องมาพิจารณาอินดิเคเตอร์แทน
RSI ในตอนนี้อยู่ในโซน overbought แล้วซึ่งไม่ใช่ข่าวดีสำหรับขาขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ความเป็นไปได้ที่ราคาจะลงมายัง $9,7630 หรือปรับตัวลดลง 71% เกิดขึ้นได้ นอกจากนี้ที่จุดต่ำสุดของราคาในเดือนมีนาคมเป็นจุดเดียวกันกับจุดต่ำสุดในเดือนธันวาคมปี 2018 และเมษายนปี 2019 เท่ากับว่าแนวรับนี้เป็นแนวรับที่เป็นไปได้หากราคาจะใช้เป็นฐานเพื่อดีดตัวเองกลับขึ้นไป
โดยสรุปแล้ว เรากำลังรอดูการทะลุกรอบราคาขาลงใหญ่ของราคาทั้งขึ้นจริงและทะลุหลอก การปิดเหนือ $10,000 ให้ได้คือกุญแจสำหรับของการเปลี่ยนเทรนด์ในครั้งนี้หรือไม่เช่นนั้นก็กลับลงไปอยู่ในแนวโน้มขาลงเดิมและอยู่ในตลาดหมีกันไปยาวๆ
กลยุทธ์การเทรด
นักลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยง จะรอดูการทะลุของทั้งสองทิศทาง หากเป็นขาขึ้นต้องสามารถขึ้นไปปิดเหนือ $10,000 ให้ได้ ถ้าเป็นขาลงกราฟต้องสร้างรูปแบบ peak & trough 2 ครั้งให้ได้เพื่อเป็นการยืนยันโดยเฉพาะอย่างยิ่งการทะลุจุดสูงสุดเมื่อเดือนมิถุนายนลงมา
นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง อาจจะเข้าซื้อทันทีเมื่อกราฟทะลุกรอบราคาขาลงขึ้นมาได้แล้วโดยไม่รอการย่อกลับมาของราคา แต่อาจจะรอเข้าซื้อหลังจากที่ราคาวิ่งกลับมาได้แต่ไม่ใช่เพราะเห็นสัญญาณยืนยันแต่อยากได้จุดเข้าของขาขึ้นที่ดีกว่า ในอีกทางหนึ่งพวกเขาอาจจะขายเมื่อกราฟสามารถทะลุกรอบสามเหลี่ยมสีแดงเล็กลงมาได้และจะยิ่งดีหากราคาสามารถทะลุเทรนด์ไลน์ขาขึ้นที่ลากมาตั้งแต่จุดต่ำสุดของเดือนมีนาคม เช่นกันหากมีการย่อกลับมาพวกเขาจะรอย่อโดยไม่รอสัญญาณยืนยันว่าจะลงต่อแล้ว
นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง อาจจะเทขายสวนราคาลงมาเลยเมื่อราคาทดสอบเส้นเทรนด์ไลน์ขาลงใหญ่โดยมีแผนรองรับและอัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่รับได้
ตัวอย่างการเทรด (สำหรับขาลง)
- จุดเข้า: $9,300
- Stop-Loss: $9,500
- ความเสี่ยง: $200
- เป้าหมายในการทำกำไร:$8,500 (เหนือเส้นเทรนด์ไลน์ขาขึ้นระยะสั้น)
- ผลตอบแทน: $800
- อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:4