จากงานประชุมนักวิเคราะห์ เราสรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้
► ภาพรวมของอุตสาหกรรมผู้บริหารค่อนข้างมีมุมมองเชิงบวกต่อธุรกิจ AMC หลังมีการเพิ่มขึ้นของทรัพย์ด้อยคุณภาพทั้ง NPL และ NPA ที่สถาบันการเงินนำออกมาประมูลขายในช่วงที่ ศก. ค่อนข้างชะลอตัวเพื่อลดความเสี่ยงจากการด้อยค่าของคุณภาพสินทรัพย์ ขณะที่คู่แข่งที่เข้ามาประมูลกลับมี Demand ที่ลดต่ำลง ส่งผลให้การแข่งขันด้านราคาไม่รุนแรง และทำให้ช่วงที่ผ่านมาบริษัทสามารถประมูลทรัพย์ด้อยคุณภาพได้ด้วยราคาที่ไม่แพงนัก
► ในด้าน Cash Collection พบว่าเดือน เม.ย.- พ.ค. ลดลง QoQ จากผลของภาวะ ศก. ที่ชะลอตัว ในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้
1) ลูกหนี้ปรับโครงสร้าง NPLราว 500 ราย จากจำนวนทั้งสิ้น 7,000 ราย มีการขอเลื่อนการจ่ายดอกเบี้ยราว 3-4 เดือน
และ 2) ยอดขาย NPA แย่ลง ตามความต้องการซื้ออสังหาฯ ทั้งนี้ผู้บริหารคาด Cash Collection จะเริ่มฟื้นตัวได้ ตั้งแต่เดือน มิ.ย. หลังกิจกรรมทาง ศก. เริ่มกลับมาปกติและกรมบังคับคดีเริ่มกลับมาจัดกิจกรรมการขายตามปกตินอกจากนี้บริษัทได้อนุมัติ NPA รอการขายแล้วราว 800 รายการ คิดเป็นมูลค่า รวม 3,300 ลบ. เพื่อเร่งกระบวนการขายให้เร็วขึ้นเมื่อความต้องการซื้อฟื้นตัว ทำให้ผู้บริหารยังคงเป้า Cash Collection ทั้งปี ที่ 15,000-17,000 ลบ.
► บริษัทมีแผนออกหุ้นกู้ใหม่ 25,000 ลบ. ในช่วง 2 ปีนี้ เพื่อเตรียมเงินลงทุนในทรัพย์ด้อยคุณภาพรอบใหม่ แต่ในช่วงสั้นยังคงใช้เงินทุนจากเงินกู้แบงก์เป็นหลักเพราะตลาดตราสารหนี้มีสภาพคล่องไม่สูงนักทำให้ต้นทุนในการออกหุ้นกู้สูงกว่าปกติ(คาดอยู่ที่ 3-4% ขึ ้นไป) ขณะที่ต้นทุนเงินกู้แบงก์อยู่ในระดับต่ำเพียง 2.7-2.9% โดยบริษัทตั้งเป้าประมูลทรัพย์ด้อยคุณภาพในปีนี้ 10,000 ลบ. ซึ่งช่วง YTD บริษัทได้ประมูลซื้อทรัพย์ด้อยคุณภาพราว 6,000 ลบ. (แบ่งเป็น NPL 4900 ลบ. + NPA 1,100 ลบ.) และคาดยังสามารถใช้เงินทุนจากการกู้ยืมแบงก์เพื่อซื้อทรัพย์ ด้อยคุณภาพเพิ่มได้โดยที่ D/E Ratio ไม่เกิน 2.5x ที่ถูกจำกัดตาม Covenant
► บริษัทเน้นย้ำนโยบายด้านปันผล หากผลดำเนินงานอ่อนตัวลงกว่าคาดในปีนี้ อาจมีการปรับ Div. Payout Ratio ขึ้นเพื่อรักษาระดับผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นมากที่สุด
Our Take
► เรามีมุมมองเป็นกลางหลังจบการประชุม โดยแม้ 2Q63 ผลดำเนินงานมีโอกาสปรับตัวลงเพราะ Cash Collection ที่อ่อนตัว แต่คาดผลดำเนินงานจะเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ช่วง 3Q63 เนื่องจากบริษัทได้ เตรียมความพร้อมในการเปิดขายทรัพย์ ทั้งการเริ่มทำกิจกรรมการตลาดและการขายผ่านช่องทางออนไลน์ บวกกับปีนี้บริษัทจะเริ่มใช้กลยุทธ์ด้านราคาเพื่อเสนอราคาขายที่น่าดึงดูดมากขึ้น เราจึงคาดจะเห็นการระบายทรัพย์ด้อยคุณภาพที่เร่งตัวขึ้นในช่วง 2H63 ทำให้เรายังคงคาดปี 2563 BAM จะมีกำไรสุทธิราว 3,897 ลบ. หดตัว 40.5%YoY ตามประมาณการเดิม
► แม้ผลดำเนินงานปีนี้คาดออกมาไม่โดดเด่นจากยอดขาย NPA ที่หดตัว และการเริ่มจ่ายภาษีนิติ บุคคล แต่เรามองว่า BAM ยังเป็นหุ้น Defensive ที่มีศักยภาพเติบโตได้ในระยะยาว จากการลงทุนในทรัพย์ด้อยคุณภาพในราคาต่ำ ซึ่งเริ่มเห็นผลจากการลงทุนในอีก 3-4 ปี ข้างหน้า อีกทั้งบริษัทมี Upside Risk จากการรับรู้ผลประโยชน์ทางภาษีในส่วนของ DTA ที่จะทยอยรับรู้เข้ามา ในงบการเงินเรื่อยๆ ในช่วง 10 ปี รวมทั้งสิ้น 5,871 ลบ. ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside ราว 17.5% จากมูลค่าพื้นฐานปี 2563 ที่ 27.50 บาท (วิธี GGM) และคาดมีเงินปันผลจ่ายอีก 1 บาท คิดเป็น Div. Yield 4.3% เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Yuanta Securities
ดูกราฟและราคาหุ้น Bangkok Commercial Asset Management (BK:BAM)
ไม่อยากพลาดบทความดีๆ อย่าลืมกด "ติดตาม" นะครับ