เมื่อไม่นานนี้หากยังจำกันได้เฟสบุ๊ก (NASDAQ:FB) ยังตกอยู่ท่ามกลางมรสุมข่าวฉาวรุมเร้า แต่เมื่อพิจารณาจากขาขึ้นของกราฟหุ้นเฟสบุ๊กในตอนนี้แล้วสามารถพิสูจน์ได้อย่างหนึ่งว่า “คนสมัยนี้ความจำสั้นกันเหลือเกิน”
ย้อนกลับไปในช่วงต้นปี 2018 ภาพลักษณ์ของสื่อโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ถูกทำร้ายจากนักการเมืองและฝ่ายรัฐบาลเมื่อมีข่าวว่าบริษัทเฟสบุ๊กทำข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานหลุดออกไปในโลกอินเตอร์เน็ต นอกจากนั้นยังมีข่าวว่าบริษัทเฟสบุ๊กมีอิทธิพลและมีส่วนรับผิดชอบเกี่ยวกับการบิดเบือนผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในช่วงนั้นหุ้นเฟสบุ๊กสะกดคำว่าขาขึ้นไม่เป็นเลยทีเดียว
แต่ในปี 2020 นี้ที่ทุกคนกำลังหันไปให้ความสนใจกับการแพร่ระบาดโควิด-19 เรื่องในวันนั้นของเฟสบุ๊กอาจกลายเป็นเพียงตำนานไปแล้วและตำนานบทใหม่ของเฟสบุ๊กกำลังเริ่มต้นขึ้น เมื่อวานนี้เองหุ้นเฟสบุ๊กพึ่งสามารถขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาลได้ ขาขึ้นครั้งนี้ของหุ้นเฟสบุ๊กได้รับแรงสนับสนุนของการใช้งานอินเตอร์เน็ตมากขึ้นของผู้คนท่ามกลางวิกฤตโรคระบาด
ตลอดทั้งปี 2020 หุ้นเฟสบุ๊กปรับตัวขึ้นมา 11% แต่ถ้านับตั้งแต่จุดต่ำสุดในวันที่ 16 มีนาคม (ซึ่งเป็นวันที่ตลาดลงทุนสร้างจุดต่ำสุด) จะพบว่าหุ้นเฟสบุ๊กปรับตัวขึ้นมาแล้วทั้งสิ้น 56% ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจกำลังเข้าสู่การถดถอยระยะยาวแบบนี้ สิ่งที่ทำให้เฟสบุ๊กกลับมาเป็นที่สนใจของนักลงทุนอีกครั้งคือตัวเลขบัญชีงบดุลที่แข็งแกร่งของบริษัท ที่สำคัญนักลงทุนมีความเชื่อมั่นในตัว CEO บริษัทนายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กว่าจะสามารถจัดการดูแลผู้ใช้งานจำนวน 2,600 ล้านคนทั่วโลกให้สามารถหาที่ทางทำมาหากินของตนเองทางออนไลน์ได้
เพื่อพัฒนาการค้าขายในโลกออนไลน์ ล่าสุด CEO คนเก่งได้เปิดตัวฟีเจอร์ e-commerce ใหม่เมื่อวันอังคารที่ 19 พฤษภาคมซึ่งฟีเจอร์ที่เกี่ยวกับ e-commerce นี้จะถูกเพิ่มเข้าไปในแอปพลิเคชันอย่าง Messenger, WhatsApp และ Instagram การอัปเกรดความสามารถในการค้าขายออนไลน์ของ 3 แอปฯ ชื่อดังนี้เป็นไปเพื่อสร้างความได้เปรียบให้กับการขายสินค้าในโลกออนไลน์ท่ามกลางวิกฤตโรคระบาด
เกมรุกของเฟสบุ๊กด้วย E-Commerce
การเพิ่มฟีเจอร์เพื่ออัปเกรดความสามารถในการขายของออนไลน์ครั้งนี้ของเฟสบุ๊กมีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กที่ประสบปัญหาไม่สามารถค้าขายได้ในโควิด-19 ด้วยฟีเจอร์ “Facebook Shops” จะช่วยให้ผู้ใช้งานเฟสบุ๊กที่มีบัญชีอยู่แล้วสามารถอัปโหลดแคตตาล็อกสินค้าเข้าไปยังเพจเฟสบุ๊กหรือโปรไฟล์อินสตาแกรมได้โดยตรง จากข้อมูลที่ทางเฟสบุ๊กเปิดเผยระบุว่า Facebook Shops จะช่วยให้ทุกคนสามารถกลายเป็นพ่อค้าแม่ค้าได้ง่ายๆ บนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เพิ่มโอกาสให้ผู้ซื้อและผู้ขายสามารถเจอกันได้บนแพลตฟอร์มของเฟสบุ๊กง่ายขึ้น
“ฟีเจอร์นี้เกิดมาเพื่อช่วยให้ทุกคนสามารถค้าขายได้ในขณะที่หน้าร้านจริงไม่สามารถทำได้” มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก CEO เฟสบุ๊กกล่าวในการไลฟ์เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่
นักลงทุนรู้สึกยินดีมากกับการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ของเฟสบุ๊กครั้งนี้เพราะ Facebook Shops จะสามารถช่วยลดผลกระทบเชิงลบต่อผลกำไรที่บริษัทควรจะได้รับ ตอนนี้บริษัทที่ฝากโฆษณาออนไลน์บนแพลตฟอร์มเฟสบุ๊กกำลังเจอโควิด-19 เล่นงานอย่างหนักโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคการท่องเที่ยว
นักวิเคราะห์เชื่อว่าฟีเจอร์ Facebook Shops จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการค้าขายผ่าน e-commerce และทำให้เฟสบุ๊กกลายเป็นบริษัทที่มีความน่ากลัวในวงการนี้ นายไบรอัน โนวาค นักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์กล่าวว่า “ด้วย Facebook Shops เฟสบุ๊กสามารถเพิ่มโอกาสในการค้าขายได้อีกเป็นพันๆ ล้านโอกาส” ส่วนนักวิเคราะห์จาก Deutsche Bank เชื่อว่าอย่างน้อยจะมีเงินหมุนบนแพลตฟอร์มนี้ประมาณ $3,000 ล้านเหรียญสหรัฐทั้งจากการโฆษณาและการซื้อขายโดยตรง
อย่างไรก็ตามนักลงทุนที่ดีควรจะมีความรอบคอบให้มากก่อนลงทุนเพราะต้องไม่ลืมว่ากำไรของเฟสบุ๊กประมาณ 30-45% มาจากกาารโฆษณาอย่างเดียวและตอนนี้บริษัทเหล่านั้นก็กำลังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อยู่ เป็นไปได้ว่ากำไรของเฟสบุ๊กในอีก 12-18 เดือนข้างหน้าจะได้รับผลกระทบจากวงการท่องเที่ยว ขายปลีก การอุปโภคบริโภคและการเดินทางที่ลดน้อยลงของผู้คน
โดยสรุปแล้ว
เฟสบุ๊กมีหนทางในการสร้างกำไรได้หลายทางโดยใช้ขุมกำลังและเทคโนโลยีที่มีของบริษัทซึ่งลักษณะเฉพาะตัวนี้ทำให้หุ้นเฟสบุ๊กกลายเป็นหุ้นที่น่าลงทุนในระยะยาว แต่ในเวลาเดียวกันนักลงทุนต้องไม่มองข้ามความเสี่ยงในระยะสั้นเมื่อบริษัทที่กำลังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในตอนนี้อาจตัดสินใจยกเลิกโฆษณากับเฟสบุ๊กมากขึ้น