ดัชนีดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลดลงในช่วงหัวค่ำของวันพฤหัสบดีตามเวลาประเทศไทยหลังจากที่เมื่อวันพุธมีการผันผวนของดัชนีก่อนที่จะจบลงที่การปรับตัวลดลง 0.1% จากตำแหน่งจุดเปิดของแท่งเทียน ปัจจัยสำคัญที่ผู้ถือสกุลเงินดอลาร์ต้องเจอคือผลกระทบจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่กำลังคานอยู่กับสถานภาพการเป็นสกุลเงินที่เป็นสินทรัพย์สำรองปลอดภัยของโลก
มีปัจจัยพื้นฐานบางประการที่สามารถอธิบายเหตุผลได้ว่าทำไมดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ ถึงยังเลือกทิศทางที่จะมุ่งไปในอนาคตยังไม่ได้ในตอนนี้ ประการแรกคือรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ ที่ตอนนี้ทะลุ 40 ล้านคนไปเป็นที่เรียยบร้อยหลังจากเมื่อวานมีตัวเลขออกมาที่ 2.1 ล้านคน การที่ประชาชนสหรัฐฯ มากกว่า 40 ล้านคนต้องตกงานท่ามกลางวิกฤตโควิดย่อมส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจโลก
ประการที่สองมาจากการคาดการณ์ของธนาคารสำหรับการลงทุนชื่อดังโกลด์แมน แซคส์ที่คาดการณ์ว่าเราจะได้เห็นตัวเลขการตกงานของผู้คนอยู่ในระดับสูงเช่นนี้ไปอีก 2 ปีซึ่งส่งผลต่อความเร็วในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ นิตยสาร Forbes รายงานว่า “งานมากกว่า 1 ล้านตำแหน่งจะไม่สามารถฟื้นคืนชีพกลับมาได้อีกแล้ว” จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมจนถึงตอนนี้สกุลเงินดอลลาร์ถึงยังไม่สามารถเลือกทิศทางที่จะเดินต่อไปได้
เช่นเดียวกันกับทองคำที่ได้วิเคราะห์ไปเมื่อวานก่อน เราเชื่อว่านักลงทุนรายย่อยในตอนนี้ต่างกำลังรอให้กราฟเลือกทิศทางจริงๆ ก่อนที่จะตัดสินใจกระโดดเข้าสู่ตลาด
หากพิจารณาด้วยการวิเคราะห์ทางเทคนิคจะเห็นว่าแท่งเทียนก่อนหน้าแท่งล่าสุดได้เกิดรูปแบบโดจิขึ้น และเป็นแท่งเทียนโดจิที่เกิดขึ้นบนเส้นแนวรับแสดงให้เห็นว่ามีแรงซื้อและขายปะทะกันในตลาดอย่างดุเดือด แท่งเทียนโดจิมักจะพบเห็นได้บ่อยๆ ในบริเวณที่แรงซื้อและขายมีความขัดแย้งกันจนอาจจะนำไปสู่การเปลี่ยนเทรนด์ หมายความว่าตลาดในตอนนี้กำลังขาดผู้นำ เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและพร้อมจะไปในทิศทางไหนก็ได้
การลงมาทดสอบกรอบแนวรับที่ลากมาตั้งแต่จุดต่ำสุดเมื่อวันที่ 27 มีนาคมแสดงให้เห็นว่าแรงขายนั้นพร้อมจะเดินเกมดันราคาให้ลงไปต่ำกว่ากรอบสามเหลี่ยมแล้วแต่เมื่อลงมาถึงแนวรับนักลงทุนกลับไม่แน่ใจว่าขาลงในรอบนี้จะทำสำเร็จหรือไม่ จึงเลือกที่จะออกมาตลาดขอดูสถานการณ์ก่อนและนั่นคือสาเหตุว่าทำไมแท่งเทียนโดจิถึงปรากฏออกมา
โดยปกติแล้วหากกราฟปรับฐานอยู่ในรูปแบบสามเหลี่ยม ราคามักจะเลือกวิ่งไปในทิศทางตามเทรนด์ใหญ่ แต่เพราะตอนนี้กราฟดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ วิ่งเป็นไซด์เวย์มาตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2019 ดังนั้นในภาพใหญ่แล้วกราฟจึงยังไม่สามารถตัดสินใจได้อย่างแน่ชัดว่าจะไปทางไหน
สรุปก็คือกราฟดัชนีดอลลาร์สหรัฐอยู่ในจุดที่ความเสี่ยงของแนวโน้มทั้งสองฝ่ายอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน แม้จะอยู่ที่แนวรับแต่หากมีแรงมากพอกราฟก็สามารถดีดกลับขึ้นไปอยู่ในกรอบสามเหลี่ยมเดิมหรือเลือกที่จะทะลุลงมาแล้วสร้างแนวโน้มขาลงใหม่
กลยุทธ์การเทรด
เทรดเดอร์ที่ไม่ชอบความเสี่ยง จะรอจนกว่ากราฟจะทลุกรอบสามเหลี่ยมทางใดก็ได้แล้วจึงตัดสินใจตามไปในทิศทางนั้น
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง จะเสี่ยงเชื่อขาขึ้นแต่แท่งขาขึ้นต้องมีจุดปิดของแท่งเทียนสูงกว่าแท่งของวันก่อนหน้า
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้สูง เสียงเข้าซื้อเลยทันทีโดยมีแผนการเทรดที่ดีรองรับไว้แล้ว
ตัวอย่างการเทรด
- จุดเข้า: 98.80
- Stop-Loss: 98.40 (ต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 200 DMA)
- ความเสี่ยง: 40 จุด
- เป้าหมายในการทำกำไร:100 (จุดสูงสุดเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมและเป็นระดับตัวเลขจิตวิทยา)
- ผลตอบแทน: 120 จุด
- อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:3