ปี 2013 CEO ของ American Airlines ชี่อ Doug Parker ประกาศควบรวมกิจการกับ U.S. Airways ทำให้ American Airlines เป็นสายการบินที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา Parker มีความเห็นว่าเศรษฐกิจกำลังลื่นไหล ธุรกิจการบินคีอบ่อทอง cabin factor ทุกเที่ยวบินเกือบเต็ม 100% รายได้ไหลมาเทมาเก็บแทบไม่ทัน
…
ในช่วงหกปีตั้งแต่ปี 2013 American Airlines สร้างหนี้สินมหาศาล กู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน 18 ครั้ง เป็นหนี้รวมทั้งหมด 2.5 หมื่นล้านเหรียญ ถามว่าองค์กรนำเงินเหล่านั้นไปทำอะไร ซื้อเครื่องบินเพื่อรองรับการขยายตัวของกิจการ ทำให้องค์กรมีกำไรรวมกัน 1.75 หมื่นล้านเหรียญระหว่างปี 2014-2019
(NASDAQ: ดูกราฟหุ้น American Airlines )
…
ถ้าวิเคราะห์งบดุลของ American Airlines ต้องบอกว่าดูไม่ได้เลย อัตราส่วนของหนี้สินเท่ากับ 45% ของรายได้ เพิ่มขึ้นสองเท่าเมื่อเทียบกับปี 2014 ความหมายคือองค์กรกู้เงินเกินความจำเป็น แล้วใช้เงินส่วนเกินทำสิ่งที่เรียกว่า share buy back scheme ซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้น และจ่ายเงินปันผล ผลลัพธ์คือหุ้นของ American Airline พุ่งขึ้นสองเท่าในปีแรกที่ Parker เป็น CEO และตัวเขาได้รับผล pay package เกินกว่า 10 ล้านเหรียญ
…
ไม่ใช่ AA คนเดียวที่มีปัญหาเรื่อง over leverage การที่ธนาคารกลางของสหรัฐอัดฉีดเงินเข้าระบบ ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำ ทำให้องค์กรใหญ่สร้างหนี้สินเกินตัว ตัวอย่างเช่น Coca-Cola, (NYSE:IBM)McDonald’s, AT&T, (NYSE:GM) 3 M, Boeing (NYSE:BA) ประกอบกับนโยบายของ Trump ในการลดภาษี เปรียบเสมือนการเติม gas helium เข้าไปในลูกโป่งหนี้สิน
จากการวิเคราะห์พบว่ามีบริษัท 455 องค์กรที่เป็นบริษัทจดทะเบียนใน S&P500 มีหนี้สินเพิ่มขึ้น 3 เท่าในสิบปีที่ผ่านมา เป็นมูลค่าหนี้รวมกัน 2.5 ล้านล้านเหรียญ
…
และทุกคนใช้ financial play book แบบเดียวกัน นำเงินกู้มาสร้างรายได้ ซี้อหุ้นคืน จ่ายปันผล หรือทำ M&A จากการวิเคราะห์พบว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้นหนึ่งเหรียญเกิดจากเงินกู้หนึ่งเหรียญ ตีความหมายง่าย ๆ คือองค์กรเปลี่ยนสถานะตัวเองเป็น high leverage organization
…
และข่าวร้ายก็มาเยือน covid 19 ทำให้รายได้ขององค์กร blue chip หายไปต่อหน้าต่อตา แต่หนี้สินก้อนมหึมายังอยู่ที่เดิม
นี่เป็นที่มาที่ธนาคารกลางของสหรัฐที่เรียกกันว่า Federal Reserve ต้องต่อท่อหายใจออกมาช่วยองค์กรเหล่านี้ด้วยเงินกู้ชีพจำนวน 7.5 แสนล้านเหรียญ
เขียนมาซะยาว อยากจะให้ความเห็นว่าคำพูดที่ว่า Greed is good ที่อยู่ในหนัง The Wall Street ยังเป็นคำพูดที่มีมูลฐานความเป็นจริง
อะไรคือผลลัพธ์ของปรากฏการณ์นี้
มันทำให้หุ้นบางตัวที่ครั้งหนึ่งเคยเป็น blue chip stock กลายเป็น near junk status
credit : bloomberg
บทความนี้เผยแพร่เป็นครั้งแรกที่เพจ แกะดำทำธุรกิจ blacksheep
ห้ามพลาด
วิกฤต covid 19 กับความสัมพันธ์ของตลาดหุ้น นี่คือโอกาส....
หุ้นสายการบินสหรัฐยังดีดต่อเนื่อง ปู่บัฟเฟตต์มองพลาดไปไหม?