เมื่อวันพุธที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา Tesla ทะยานขึ้นเป็นบริษัทรถยนต์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกแซงหน้า Toyota ผู้ผลิตที่ครองอันดับหนึ่งมาเป็นเวลานานและมียอดขายรถยนต์สูงกว่า Tesla ถึงหลายร้อยเท่า
แต่คำถามที่นักลงทุนทุกท่านคงอยากรู้คือ ราคาหุ้น Tesla ที่ระดับ 1,000 เหรียญต่อหุ้นในตอนนี้นั้นยังน่าลงทุนต่อไปหรือไม่ ?
นักลงทุนสาย VI (Value Investor) หลายๆท่านคงต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "ไม่ควร" เพราะไม่ว่าจะใช้สูตรการคำนวนในการประเมินมูลค่าของหุ้นอย่างไร ผลตอบแทนจากรายได้ของบริษัทนั้นก็ไม่น่าคุ้มค่ากับราคาหุ้นแน่ๆและราคาหุ้นจะดู #แพง กว่า #มูลค่าที่แท้จริง นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทางวอร์เรน บัฟเฟตต์เองก็ไม่เคยซื้อหุ้น Tesla
อย่างไรก็ตามถ้าถามนักลงทุนสาย II (Innovation Investor) แล้ว หลายคงยังคงยืนยันเป็นเสียงเดียวกันแน่ว่า #ราคาหุ้นที่ 1,000 เหรียญนั้น #ยังคงถูกอยู่
ทางเพจได้เขียนบทความวิเคราะห์ธุรกิจของ Tesla ไปหลายตอนแล้ว และส่วนตัวก็ชื่นชอบและเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ของ Elon Musk จึงยังคงเป็นนักลงทุนในหุ้นของ Tesla อย่างเหนียวแน่น #และยังไม่คิดจะขายแม้ราคาขึ้นมาถึงระดับนี้ แล้วก็ตาม
ทางเราได้เขียนบทความออกไปแชร์มุมมองว่าทำไมหุ้นของ Tesla จึงน่าสนใจในช่วงวันที่ 15 และ 24 มีนาคม 2563 โดยช่วงนั้นราคาหุ้นของ Tesla ซื้อขายอยู่ที่ 350-400 เหรียญ และวันนี้ราคาหุ้นได้ขึ้นมาถึง 2.5 เท่าแล้ว แต่เหตุผลของการถือหุ้นและมุมมองของ Tesla นั้นยังไม่เปลี่ยนไป ทางเราจึงอยากนำบทความนี้มาแชร์อีกครั้งเพราะในช่วงนั้นเรื่องของ Tesla ยังไม่ได้เป็นที่รู้จักกันมาก และดูจาก Reach ของเพจนั้นก็ยังน้อย
ถึงแม้โครงการของ Tesla จะก้าวกระโดดไปไกลใหม่ๆอีกหลายๆโครงการแล้วในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา #ผมสัญญาว่าถ้ามีเวลาจะมาอัพเดทเรื่องใหม่ๆเหล่านี้ให้ แต่วันนี้แค่เพียงเหตุผลต่างๆที่เคยแชร์ไปแล้วก็เพียงพอจะบอกแล้วว่าทำไม Tesla อาจก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกในยุคของ Innovation Technology ครับ
#บทความนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวเท่านั้นนะครับ หากใครคิดจะลงทุนกรุณาศึกษาข้อมูลด้วยตัวเอง
บทความนี้ได้โพสต์ลงเพจไปเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2563 และทางเราจะลิงค์บทความที่เกี่ยวของกับ Tesla อื่นๆไว้ในคอมเม้นท์ให้ลองอ่านกันด้วยครับ
กราฟราคาหุ้น Tesla (NASDAQ: กดดูความเคลื่อนไหวหุ้น TSLA) ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา
#7เหตุผลสำคัญที่หุ้นTeslaถึงน่าซื้อในตอนนี้
1. ราคาหุ้น Tesla นั้นโดนกระทบเพราะความแพนิคเรื่องไวรัสและสงครามราคาน้ำมันมากเกินไป
หุ้น Tesla นั้นดิ่งจาก 937 เหรียญลงมาถึง 450 เหรียญหรือลบกว่า -50% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ถึอว่าลงมามากกว่าดัชนีหุ้นสหรัฐโดยรวมที่ลง -20% ในช่วงเวลาเดียวกันเพราะวิกฤตเรื่องไวรัส
นี่เป็นการลงที่หนักกว่าดัชนีโดยรวมและหนักพอๆกับหุ้นบางสายการบินที่ควรจะได้รับผลกระทบมากกว่าหุ้น Tesla ด้วยซ้ำ เพราะสายการบินถึงกับต้องหยุดบินไปอีกนานไม่รู้จะถึงเมื่อไหร่ แต่ทางบริษัท Tesla นั้นผลประกอบการไม่น่ากระทบเยอะเลย (เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังว่าทำไม) #จึงกลายเป็นเกิดโอกาสในการซื้อที่ดีขึ้นมา
2. บริษัท Tesla นั้นยังไม่เคยผลิตรถเพียงพอต่อความต้องการได้เลย
นี่จะเป็นเหตุผลที่สำคัญที่สุดในบทความนี้ หลายคนอาจจะมองว่าการที่กำลังการผลิตไม่เพียงพอ มีลูกค้ารอเข้าคิวซื้อเป็นแถวนั้นไม่ดี #แต่จริงๆแล้วมันกลับเป็นเรื่องที่ดีมากๆครับ แปลว่าไม่ว่า Demand ของลูกค้าจะหายไปมากเพียงใดจากวิกฤตครั้งนี้ Tesla ก็ยังจะยังมีคนรอต่อคิวซื้อรถได้อยู่ ยิ่งขยายโรงงานมากไปกว่านี้อย่างไรก็ยังมีความต้องการซื้อรองรับ
3. วิกฤตครั้งนี้ไม่ได้กระทบต่อกลุ่มลูกค้าที่อยากซื้อ Tesla
วิกฤตครั้งนี้จะทำให้คนสหรัฐนั้นอาจตกงานมากถึง 20% และคงมีประชาชนอีกมากมายในโลกที่รายได้จะลดลงจึงทำให้หุ้นรถยนต์ทั่วโลกตกลง (รวมถึง Tesla ด้วย) นี่เป็นเรื่องปกติของวิกฤตเศรษฐกิจที่ยอดขายรถจะตก แต่อย่าลืมครับว่ากลุ่มลูกค้าหลักของ Tesla คือกลุ่มคนที่มีฐานะการเงินที่ดี กลุ่มคนที่จะไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตครั้งนี้จนกระทั่งไม่สามารถซื้อรถได้ และกลุ่มคนเหล่านี้ก็ยังมีเครดิตที่ดีอยู่ และด้วยคิวที่ต่อรอเข้าซื้อหากมีใครยกเลิดคิวไปจริงๆ ก็จะยิ่งกดดันให้กลุ่มคนพวกนี้รีบเร่งรัดคิวเข้ามาซื้อ #เพราะนี่เป็นโอกาสทองที่คุณจะได้เป็นเจ้าของรถที่ทันสมัยที่สุดในโลก
4. รถของ Tesla นั้นทันสมัยและคุ้มค่าที่สุด เมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่นๆ
รถ Tesla นั้นเป็นรถอัจฉริยะ ที่มีระบบคอมพิวเตอร์ที่สามารถอัพเดทได้ตลอดเวลา เรียกได้ว่าเป็น "#คอมพิวเตอร์เคลื่อนที่มากกว่ารถ" เลยก็ว่าได้ และ Tesla ยังเพิ่งได้รางวัล Top 3 รถที่ปลอดภัยที่สุดในโลก ทำให้เมื่อเทียบราคากับรถคู่แข่งที่คุณต้องจ่ายด้วยราคาเดียวกันนั้น บอกได้เลยว่าคุณกำลังได้การลงทุนที่คุ้มค่ากว่า เหรียญต่อเหรียญ หากเลือกรถ Tesla เหตุผลนี้ทำให้ demand ของ Tesla ยังคงมีอยู่สูงแน่ๆ โดยเฉพาะช่วงวิกฤตเศรษฐกิจนี้จะยิ่งทำให้ส่วนแบ่งตลาดของ Tesla ยิ่งโต
5. Tesla จะกลายเป็นผู้ที่ Disrupt คู่แข่งในวงการณ์รถยนต์อื่นๆในอนาคต
Tesla กำลังเป็นบริษัทที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยกว่าบริษัทรถอื่นๆอีกเยอะทำให้อำนาจในการแข่งขันในระยะยาวนั้นสูงมาก คล้ายๆกับตอนที่บริษัท Apple (NASDAQ:AAPL) ออกมาทำ Iphone เป็น Touch Screen แข่งกับบริษัทคู่แข่งใหม่ๆทั้งๆที่ยังไม่ได้มีประสบการณ์ในการทำมือถือมาก่อน ต่อมาในเวลาไม่นานถึงแม้คู่แข่งอื่นๆจะออก Touch Screen มาแข่งแต่ก็ไม่สามารถมาสู้กับ Apple ได้ เพราะเทคโนโลยีของแอปเปิ้ลนั้นนำหน้าไปใกลกว่า 2-3 ปีแล้ว เพียงแต่เลือกที่จะยังไม่ปล่อยออกมา
ทาง Tesla ก็คล้ายๆกัน ถึงแม้สิ่งที่เรากำลังซื้อคือรถยนต์ #แต่สิ่งที่จะทำให้คนเลือกรถยนต์ในอนาคตนั้นคือเทคโนโลยีและคุณภาพของแบตเตอรี่ ราคาแบตเตอรี่ของรถ EV จะค่อยๆตกลง 20% ทุกๆปี ทำให้ต้นทุนการผลิตรถยนต์ของบริษัทต่างๆนั้นเริ่มต่ำลงและมีความสามารถในการแข่งขันที่สูงมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เชื่อว่าด้วยเทคโนโลยีที่ Tesla มีนั้นจะปล่อยแบตเตอรี่ที่ดีกว่า ระบบ Smart Control ภายในที่ล้ำกว่าคู่แข่งได้อยู่ 1-2 ขั้นเสมอ #จึงเชื่อว่า Tesla จะไม่มีคู่แข่งในด้าน Technology และ Tesla ก็จะกลายเป็นผู้ที่ Disrupt คู่แข่งในวงการณ์รถยนต์อื่นๆทั้งหมด
6. ประเทศจีนซึ่งเป็นฐานการผลิตหลักของ Tesla รอดพ้นจากไวรัสโควิดแล้ว
วิกฤตไวรัสโควิดนั้นกำลังกระจายไปทั่วทุกมุมในโลก ทำให้บริษัทรถยนต์คู่แข่งต่างๆนั้นกำลังเผชิญปัญหา ซึ่งกำลังการผลิตในอนาคตนั้นจะโดนกระทบหรือไม่ก็ไม่รู้ ถึงแม้ Tesla จะมีฐานผลิตอยู่หลายที่ แต่โรงงานหลักที่จีนนั้นได้กลับมาเริ่มการผลิตอีกครั้งและไม่น่าจะโดนกระทบอะไรอีกแล้ว เป็นการตัดความเสี่ยงเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
7. รถ Model Y และ Cyber Truck ที่เพิ่งออกใหม่
Tesla เพิ่งปล่อยโฉมรถรุ่นใหม่ Model Y ออกมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว (15 มีนาคม) เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 7 ที่นั่งที่เชื่อว่าจะเป็นรถ Family car รุ่นใหม่ที่ขายดีที่สุดของ Tesla ที่ราคาเพียง 40,000 เหรียญ หรือ 1.25 ล้านบาท (ไม่รวมภาษี) ซึ่งทำให้ถือว่าถูกมากๆอย่างไม่น่าเชื่อ และจะทำให้คู่แข่งในวงการรถยนต์ต้องเหนื่อยไปอีกนาน
และนี่ยังไม่รวม Cyber Truck รถกระบะไฟฟ้าของ Tesla ที่รูปร่างเหมือนรถอวกาศ (ในรูปของเรา) ที่มียอดจองล่วงหน้ากว่า 5 แสนคันไปแล้ว ! ทำให้ไม่ว่าความต้องการซื้อรถ Tesla จะน้อยลงไปมากเท่าไหร่ก็ตาม ก็ยังจะสามารถขายรถทุกๆคันที่ผลิตออกมาได้แน่ๆไปอีกนาน
สุดท้ายนี้ลองถามตัวคุณเองครับ ถ้าราคาของรถ Tesla และรถยี่ห้ออื่นในขนาดเดียวกันนั้นราคาเท่ากัน #คุณจะเลือกซื้อรถคันไหนก่อนครับ ?
และนี่ก็คือรวม 7 เหตุผลที่ทางเราเขียนไว้เมื่อเดือนมีนาคม ที่ทำให้ทางเราคิดว่าหุ้น Tesla นั้นยังมีอนาคตอีกไกล และการลดลงมา -50% เพราะสถานการณ์วิกฤตครั้งนี้นั้นเป็นโอกาสที่ดีมากเลยที่จะลงทุน เพราะเหตุผลที่ได้อธิบายข้างต้นครับว่าวิกฤตเศรษฐกิจไม่ใช่ปัญหาของ Tesla #แต่ปัญหาอย่างเดียวคือจะผลิตอย่างไรให้เพียงพอต่อความต้องการซื้อ ??
ขอย้ำอีกครั้งว่าบทความนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวเท่านั้นนะครับ ที่พยายามจะแชร์ไอเดียและมุมอง ให้มาแลกเปลี่ยนความเห็นกันครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเรานะครับฝากกด Like และ Share ให้กับทางทีมงานของเราด้วยนะครับ แล้วเราจะกลับมาเขียนอีกบทความใหม่เพื่อเจาะลึกลงไปอีกว่าวันนี้ทาง Tesla ยังมีเหตุผลอะไรใหม่ๆอีกที่น่าลงทุน ขอบคุณมากๆครับ
#ทันโลกกับTraderKP #ชวนคุยเรื่องลงทุน
บทวิเคราะห์นี้เผยแพร่ครั้งแรกที่เพจ Oil Trading - ทันตลาดน้ำมันและเศรษฐกิจโลกกับ KP
บทความห้ามพลาด
มูลค่าหุ้น Tesla พุ่งแซง Toyota แล้ว กลายเป็นบริษัทรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก!