- ตลาดหุ้นยังคงปิดบวกเป็นสัปดาห์ที่สามแม้จะมีความผันผวนสูงและวอลลุ่มต่ำ
- ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นในขณะที่ดอลลาร์อ่อนมูลค่าลงต่อเนื่อง
- ราคาน้ำมันยังไม่หลุดออกจากโซนปรับฐาน
สัปดาห์นี้นักลงทุนยังคงต้องเทรดกันภายในธีม “ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ” กันต่อไปแต่ที่เราจะได้เห็นกันชัดเจนขึ้นก็คือการแบ่งฝ่ายของนักลงทุนออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกคือกลุ่มที่เชื่อข่าวด้านบวกและพร้อมจะเชื่อทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับวัคซีนต้านโควิด-19 และปัจจัยเชิงบวกทางเศรษฐกิจ อีกกลุ่มคือคนที่เป็นกังวลเกี่ยวกับยอดตัวเลขผู้ติดเชื้อซึ่งตอนนี้รวมทั่วโลกมีตัวเลขอยู่ที่ 14.3 ล้านคนและยอดผู้เสียชีวิตอีก 602,100 คน
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาดเมื่อวันศุกร์สะท้อนอารมณ์ของนักลงทุนออกมาได้เป็นอย่างดี ในขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กำลังปรับตัวสูงขึ้นเพื่อพยายามที่จะปิดบวกให้ได้ ราคาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์สำรองปลอดภัยก็ปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบสัปดาห์ในขณะที่ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนมูลค่าลงเช่นเดียวกันกับราคาน้ำมันดิบที่ได้รับผลกระทบจากยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐฯ ที่ไม่ชะลอตัวลงเลย
สัปดาห์ที่แล้วปิดบวกก็จริงแต่ปริมาณแรงซื้อในตลาดลงทุนกลับเบาบาง
ตลาดหุ้นสามารถปิดบวกได้เป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกันครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธันวาคม แนวโน้มขาขึ้นยังสามารถเอาตัวรอดไปได้แม้จะมีปริมาณแรงซื้อน้อยลงก็ตาม (ราคาลงมาต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 30 วัน 25%) เมื่อวันพุธดัชนี S&P 500 ได้ขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดเอาไว้ ณ วันที่ 21 กุมภาพันธ์และเป็นครั้งแรกที่ราคาสามารถยืนอยู่บนเส้นค่าเฉลี่ยได้นับตั้งแต่ตลาดหุ้นโดนคลื่นโควิดซัดเข้ามา
สถานการณ์รูปแบบแท่งเทียนเมื่อวันศุกร์ของ S&P 500 ถือว่าต้องจับตาดู กราฟได้สร้างแท่งเทียนรูปแบบโดจิออกมาซึ่งเป็นโดจิที่มีลักษณะรูปแบบของคนแขวนคอ (Hanging Man) ถ้าวันนี้ราคาปิดแท่งเกิดต่ำกว่าจุดเปิดมากจะเป็นการยืนยันสัญญาณขาลง แม้อินดิเคเตอร์ทั้ง 3 อย่าง MACD RSI และเส้น AD ยังชี้ว่ากราฟมีพื้นที่ให้ขึ้นได้อยู่แต่ถ้าแท่งเทียนยืนยันของขาลงคนแขวนคอออกมาจริงจะกลายเป็นว่าสัญญาณที่มาจากอินดิเคเตอร์เป็นสัญญาณหลอก
สัปดาห์ที่แล้วนักลงทุนพบสัญญาณแห่งความหวังว่าเศรษฐกิจอาจสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว (V-Shape) ตัวเลขยอดขายปลีกของสหรัฐฯ สามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ในเดือนมิถุนายนได้ 7.5% ตัวเลขยอดการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้นจนเกือบกลับไปอยู่ในระดับก่อนโควิด-19 และตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมมีตัวเลขเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 1959 แต่ตัวเลขความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนกรกฎาคมกลับลดลงเกินคาด
การที่นักลงทุนในตลาดได้ยินคำว่า “มากกว่าที่คาดการณ์” ทำให้นักลงทุนบางส่วนไม่อาจตัดความหวังการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไปได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนหน้านี้ที่มีข่าวว่าภาครัฐกำลังร่างแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบที่ 2 ตลาดค่อนข้างเชื่อเป็นอย่างมากทีเดียวว่าสภาคอนเกรสจะอนุมัติให้แพจเกจกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ผ่านได้อย่างไม่ยากเย็นและที่สำคัญคือมาตรการเยียวยาในรอบที่แล้วกำลังจะหมดอายุลงในสิ้นเดือนนี้หรืออีก 11 วัน
ดังนั้นเราจึงคาดการณ์ว่าสัปดาห์นี้นักลงทุนจะสวมบทบาทเป็นทั้งผู้ซื้อและขายในเวลาเดียวกันโดยที่ไม่เชียร์ข้างใดช้างหนึ่งชัดเจน เมื่อมีข่าวเช่นความคืบหน้าวัคซีนต้านโควิดหรือตัวเลขทางเศรษฐกิจออกมาดีพวกเขาจะตามขาขึ้นแต่เมื่อได้ยินข่าวตัวเลขยอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นพวกเขาก็จะหันกลับมาตามขาลงและการที่คนส่วนใหญ่ในตลาดทำเช่นนี้จะยิ่งทำให้ตลาดลงทุนเกิดความผันผวนมากขึ้น สิ่งที่เราอยากให้นักลงทุนตระหนักเอาไว้คือข่าวที่ออกมานั้นมาเร็วและไปเร็วแต่ความจริงที่เรารู้แน่ชัดแล้วคือกว่าจะได้วัคซีนต้านโควิด-19 ขึ้นมาจริงๆ ยังต้องอาศัยเวลาอีกนานซึ่งนั่นหมายถึงเราก็ต้องเจอกับความไม่แน่นอนอีกนานด้วย
ผู้เชียวชาญคนหนึ่งออกมาเตือนได้อย่างน่าสนใจ เขาบอกว่า “เราต้องเจอการระบาดรอบที่ 2 แน่และมันจะรุนแรงกว่าครั้งแรกมาก และต่อให้มียาต้านไวรัสแล้วจริงแต่กว่าเรื่องโควิดจะจบลงได้อย่างสมบูรณ์หมายความว่าทั้งโลกต้องได้รับยาต้านโควิดก่อน”
กราฟราคาพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีสร้างรูปแบบไดเวอร์เจนต์ขาลงระหว่างตัวกราฟเองกับราคาในตลาดหุ้น ตอนนี้ราคายังคงวิ่งอยู่บริเวณจุดต่ำสุดที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนเมษายน
ดัชนีวัดความผันผวนในตลาด (VIX) ก็วิ่งสวนทางกับตลาดหุ้นเช่นเดียวกันกับกราฟราคาพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐวิ่งลงเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน
ถือเป็นขาลงติดต่อกันที่นานที่สุดของสกุลเงินสำรองของโลกนับตั้งแต่เดือนมกราคมเลยทีเดียว ก่อนหน้านี้ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งสัญญาณขาลงด้วยการหลุดกรอบฟอร์มตัวธงขาขึ้นออกมา ตอนนี้กราฟดอลลาร์สหรัฐกำลังอยู่ในจุดที่นักลงทุนต้องให้ความสนใจ เมื่อใดก็ตามที่ราคาสามารถหลุดเส้นเทรนด์ไลน์หลักขาขึ้นที่ลากมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2018 ได้ เมื่อนั้นเราจะได้ให้ดัชนีดอลลาร์สหรัฐมุ่งหน้าลงไปหาจุดต่ำที่สุดของปี 2020 เมื่อเดือนมีนาคม
เมื่อวันศุกร์ที่แล้วในขณะที่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนมูลค่าลงก็ถึงทีของราคาทองคำที่ได้โอกาสปรับตัวสูงขึ้น
อย่างไรก็ตามราคาทองคำยังติดปัญหาอยู่ที่ไม่สามารถผ่านแนวต้าน ณ จุดสูงสุดที่เกิดรูปแบบธงลู่ลงซึ่งโดยปกติรูปแบบนี้คือรูปแบบไปต่อของแนวโน้มขาขึ้น แต่ก่อนอื่นราคาจะต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลับมายืนเหนือเส้นเทรนด์ไลน์ขาขึ้นเดิมให้ได้เสียก่อน อินดิเคเตอร์ทั้ง 2 ตัวหลักอย่าง MACD และ RSI มีความเห็นไม่ตรงกัน RSI วกหัวกลับขึ้นมายืนเหนือเส้น neckline แล้วแต่ MACD ยังคงตัดลงอยู่ฝั่งตลาดหมี
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 2 หลังจากต้องผิดหวังกับตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ที่ลดลง
เมื่อพิจารณากราฟด้วยการวิเคราะห์ทางเทคนิคจะพบว่าราคาน้ำมันดิบวิ่งอยู่ในกรอบราคาไซด์เวย์มาตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน และนับตั้งแต่ราคาน้ำมันดิบหลุดเส้นเทรนด์ไลน์ขาขึ้นลงมาเมื่อวันที่ 24 มิถุนายนก็ไม่เคยสามารถกลับขึ้นไปได้อีกเลย นอกจากนี้กราฟน้ำมันดิบยังมีแนวต้านสำคัญอยู่ที่เส้นค่าเฉลี่ย 200 DMA ในขณะที่อินดิเคเตอร์ MACD และ RSI ยังแสดงให้เห็นถึงทิศทางขาลงอยู่
ข่าวเศรษฐกิจสำคัญประจำสัปดาห์ (เวลาทั้งหมดคำนวณเป็น EDT)
วันอาทิตย์
21:30 (ประเทศจีน) รายงานอัตราดอกเบี้ยเงินกู้โดยธนาคารกลางจีน (PboC): คาดว่าจะคงที่ 3.85%
วันจันทร์
21:30 (ออสเตรเลีย) รายงานการประชุมจากธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA)
วันอังคาร
08:30 (แคนาดา) รายงานตัวเลขยอดขายปลีกพื้นฐาน: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก -22.0% เป็น 12.5%
21:20 (ออสเตรเลีย) ตัวเลขยอดขายปลีก: คาดว่าจะลดลงจากครั้งก่อน 16.9% เป็น 7.1%
วันพุธ
08:30 (แคนาดา) ดัชนีราคาผู้บริโภค (Core CPI): คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก -0.1% เป็น 0.3%
10:00 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขยอดขายบ้านมือสอง: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 3.91M เป็น 4.86M
10:30 (สหรัฐฯ) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง: อาจจะลดลงจาก -7.493M เป็น -2.098M
วันพฤหัสบดี
08:30 (สหรัฐฯ) รายงานตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก: คาดว่าตัวเลขที่เข้ามาจะอยู่ที่ 1,300K
วันศุกร์
02:00 (สหราชอาณาจักร) รายงานตัวเลขยอดขายปลีก: คาดว่าจะลดลงจาก 12.0% เป็น 8.5%
03:30 (เยอรมัน) ดัชนี PMI ภาคการผลิต: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 45.2 เป็น 48.0
04:30 (สหราชอาณาจักร) ดัชนี PMI ภาคการผลิต: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 50.1 เป็น 51.0
04:30 (สหราชอาณาจักร) ดัชนี PMI ภาคการบริการ: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 47.1 เป็น 51.0
06:30 (รัสเซีย) ผลการตัดสินใจปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางรัสเซีย: คาดว่าจะลดลงจาก 4.5% เป็น 4.25%
10:00 (สหรัฐฯ) ตัวเลขยอดขายที่อยู่อาศัยใหม่: คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 676K เป็น 700K