รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

ความไม่แน่นอนผลักดอลลาร์ร่วงและอุ้มยูโรให้ขึ้นสู่จุดสูงสุดในรอบ 1 ปี 5 เดือน

เผยแพร่ 23/07/2563 15:03
อัพเดท 09/07/2566 17:31
การที่นักลงทุนไม่เห็นสัญญาณความชัดเจนของการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ที่จะเกิดขึ้นหลังจากโปรโมชันเงินเยียวยาการว่างงาน $600 กำลังจะหมดลงในสิ้นเดือนนี้ทำให้ไม่มีใครอยากถือสกุลเงินดอลลาร์เอาไว้ ดอลลาร์สหรัฐยังคงอ่อนมูลค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ยกเว้นเยน ปัจจัยนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้กราฟ EUR/USD ทะยานขึ้นสู่ 1.15 ซึ่งเป็นแนวต้านที่แข็งที่สุดมาตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2018 ในขณะที่กราฟ USD/CHFปรับตัวลดลงต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ดอลลาร์ก็สามารถขึ้นสู่จุดสูงสุดในรอบหลายเดือนได้เช่นกันเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
 

ส่วนหนึ่งที่ทำให้ดอลลาร์ยิ่งอ่อนมูลค่าลงเมื่อวานนี้เกิดขึ้นมาจากตัวเลขยอดขายบ้านมือสองของเดือนมิถุนายนที่แม้จะดีขึ้นแต่ไม่สามารถขึ้นได้เท่ากับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ สำนักข่าวชื่อดัง CNBC ได้พูดถึงเงินเยียวยาที่กำลังจะหมดอายุลงในวันที่ 31 นี้ว่าทุกรัฐจะหยุดมอบเงินชดเชยนี้หลังจากวันที่ 25 และ 26 กรกฎาคมตามปฏิทินของระบบราชการ ในตอนแรกพวกเขาตั้งใจจะมอบเงินในส่วนนี้ไปเรื่อยๆ เพราะคิดว่าสภาคอนเกรสน่าจะอนุมัติเรื่องนี้แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวหรือความคืบหน้าเกี่ยวกับเดตไลน์เงินเยียวยารอบใหม่อย่างเป็นรูปธรรม ตอนนี้ดูเหมือนว่าเหล่าผู้มีส่วนรับผิดชอบในการร่างเงื่อนไขเงินเยียวยานี้ขึ้นมากำลังวุ่นอยู่กับการทำแพคเกจบรรเทาทุกข์ภัยโควิด-19 หากว่ารัฐบาลปล่อยให้เงินเยียวยานี้หมดอายุตามระยะเวลาลงจริงๆ จะเป็นการตัดความเป็นไปได้ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจแบบ V-Shape และดอลลาร์สหรัฐจะยิ่งถูกเทขายมากยิ่งขึ้น

ในขณะที่นักลงทุนกำลังรอข่าวมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐฯ อีกด้านหนึ่งพวกเขายังคงยินดีอยู่กับข่าวการจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูโควิดมูลค่า $2,000,000 ล้านเหรียญสหรัฐของผู้นำยุโรปในวันอังคารที่ผ่านมา ดีลประวัติศาสตร์นี้จะครอบคลุมช่วงเวลาการฟื้นฟูไปจนถึงช่วงเวลาการสิ้นสุดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดโดยสมบูรณ์และเป็นเกราะป้องกันเศรษฐกิจในยูโรโซนไม่ให้อ่อนแอลงไปมากอย่างที่ควรจะเป็น ขาขึ้นมายัง 1.15 ของกราฟ EUR/USD ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าตลาดมีความเชื่อมั่นและรู้สึกวางใจกับข่าวดีนี้ ดังนั้นในช่วงระยะเวลาไม่กี่เดือนข้างหน้ารับประกันได้เลยว่ามูลค่าของยูโรย่อมจะดีกว่าดอลลาร์ ยิ่งไปกว่านั้นเหล่าผู้นำในกลุ่มสหภาพยุโรปยังรับปากอีกด้วยว่าจะกลับไปแก้กฎหมายการเงินในประเทศตัวเองให้สอดคล้องกับกองทุนฟื้นฟูที่พึ่งเกิดขึ้นมา

 
เมื่อพิจารณากราฟ EUR/USD ทางเทคนิคแล้วเรามองว่าก่อนที่กราฟจะสามารถขึ้นไปถึง 1.17 ได้เราจะต้องจับตาดูราคาที่แนวต้าน 1.16 ก่อน ส่วนกราฟ GBP/USD ยังคงวิ่งอยู่ในกรอบไซด์เวย์ใหญ่โดยมีโซนแนวต้านระหว่าง 1.27-1.28 เป็นโซนสำคัญ ส่วนของปัจจัยพื้นฐานวันนี้ปอนด์ไม่มีข่าวเศรษฐกิจสำคัญอะไรนอกจากความคืบหน้าของการเจรจา Brexit และถึงแม้ว่าผลที่ออกมาอาจจะไม่มีความคืบหน้าก็ไม่ทำให้กราฟปรับตัวลดลงไปมากนักเนื่องจากสหราชอาณาจักรยังมีปัจจัยหนุนที่สามารถควบคุมโควิดในประเทศได้ดี พรุ่งนี้มีตัวเลขยอดขายปลีกให้จับตาดูด้วย

สกุลเงินทั้งสามที่มีมูลค่าผูกติดอยู่กับสินค้าโภคภัณฑ์อย่างออสเตรเลีย นิวซีแลนด์และแคนาดาดอลลาร์ทำผลงานขาขึ้นได้ดีกว่าดอลลาร์สหรัฐทั้งหมดแต่ผู้ที่ทำผลงานได้สะดุดตามากที่สุดคือออสเตรเลียดอลลาร์ที่กราฟ AUD/USD สามารถขึ้นสู่จุดสูงสุดในรอบ 15 เดือนได้ นิวซีแลนด์ดอลลาร์ก็สามารถขึ้นสู่จุดสูงสุดในรอบ 6 เดือนได้เช่นกันในขณะทีแคนาดาดอลลาร์ขึ้นสู่จุดสูงสุดในรอบหนึ่งเดือน อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นคือปัจจัยที่หนุนขาขึ้นของแคนาดาดอลลาร์แต่ปัจจัยหลักจริงๆ แล้วคือดอลลาร์สหรัฐอ่อนมูลค่าลง ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ 0.4% ถึงอย่างนั้นแบงก์ชาติแคนาดาก็ยังไม่ได้มีแผนที่จะรัดกุมมาตรการทางการเงินเพิ่มขึ้น ในอนาคตอันใกล้ทั้งสามสกุลเงินนี้ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ต่อตราบใดที่ตัวเลขดัชนี CPI แบบปีต่อปียังคงอยู่ใกล้ตัวเลข 1.1% แต่ถ้าสหรัฐฯ มีข่าวดีเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบที่ 2 เมื่อไหร่ก็ระวังการย่อตัวลงทันทีของกราฟเหล่านี้เอาไว้ด้วย

ความคิดเห็นล่าสุด

53
Thank you, I agree with your analysis. May I additional my personal opinion. I guess after EUR become to no.1 relaible Foreign exchange reserves instead of USD.  UK government maybe try to intervene to support GBP on the high level coz I think they're brexit already they necessary to show stronger economic for world.
ขอบคุณครับ
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย