เมื่อคนเราอายุมากขึ้นและมีความรับผิดชอบในชีวิตที่เพิ่มขึ้นความสามารถในการรับความเสี่ยงได้จะลดลงตามจนสุดท้ายนำมาสู่คำถามที่ว่า “หากอยากถือหุ้นที่ได้ผลตอบแทนคงที่และอยู่ได้ในระยะยาวควรเลือกหุ้นตัวไหนดี?”
หากคุณเป็นนักลงทุนในกลุ่มนี้ลักษณะของหุ้นที่คุณต้องการจะถือจะต้องเป็นหุ้นที่สามารถซื้อและถือไปนานๆ ได้และยังจะเป็นเป็นหุ้นของบริษัทที่มูลค่าทางการตลาดสูง มีการปันผลดี บริษัทที่จะสามารถปันผลได้อย่างมีเสถียรภาพเช่นนั้นได้และสามารถให้เงินคุณได้ทันทีในยามที่คุณกำลังลำบากจะต้องมีโครงสร้างทางธุรกิจที่แข็งแกร่งมากพอที่จะไม่เดือดร้อนแม้มีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเข้ามาสร้างผลกระทบอย่างเช่นวิกฤตไวรัสโคโรนาที่ทั้งโลกกำลังเผชิญร่วมกัน
คุณสมบัติเบื้องต้นของบริษัทเหล่านี้ที่ควรจะมีอย่างเช่นการมีบัญชีงบดุลที่แข็งแกร่ง ความสามารถในการสร้างผลิตภัณฑ์ มีบริการที่เชื่อถือได้และที่สำคัญที่สุดในช่วงวิกฤตที่จำเป็นต้องมีเลยคือสภาพคล่องที่เพียงพอต่อการมอบผลตอบแทนคือแบบรายปีได้ หุ้น 3 ตัวในบทความต่อไปนี้คือหุ้นที่เราพิจารณาแล้วว่าเหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในระยะยาว
1. IBM
ในขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียุคใหม่กำลังทำกำไรในช่วงวิกฤตโควิดกันได้อย่างสนุกสนาน บริษัทคอมพิวเตอร์ยักษ์ใหญ่รุ่นเก่าก็สามารถเป็นตัวเลือกที่ดีในการปันผลอย่างมั่นคงได้เช่นกัน บริษัทในตำนานเหล่านี้มักจะมีมนต์ขลังที่สามารถเรียกนักลงทุนที่เชื่อในประวัติศาสตร์และเชื่อว่าจะสามารถพัฒนาตัวเองก้าวเข้าไปสู่ยุคของคลาวด์ได้อยู่เสมอ IBM (NYSE:IBM) คือหนึ่งในตัวเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อและถือไว้ในระยะยาวอย่างแท้จริงด้วยเปอร์เซนต์การปันผลที่มีความมั่นคงและน่าดึงดูดมากถึง 5.2%
แม้ว่าตัวเลขผลประกอบการของ IBM จะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่ส่งผลให้บริษัทไม่อาจส่งมอบเมนเฟรมและซอฟต์แวร์ตัวใหม่ได้ทัน แต่หุ้นของ IBM ก็ยังถือเป็นตัวเลือกที่ดีของนักลงทุนระยะยาว ข่าวดีก็คือลูกค้าส่วนใหญ่ของ IBM อยู่ในกลุ่มผู้ให้บริการทางด้านการเงิน เทเลคอมและหน่วยงานรัฐซึ่งลูกค้าในกลุ่มนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบมากจากมาตรการปิดล็อกเมืองซึ่งมีส่วนช่วยให้ IBM สามารถเอาตัวรอดไปได้ด้วย
เมื่อมาดูในส่วนของอัตราการเติบโตเราก็ยอมรับว่า IBM ในช่วงทศวรรษก่อนถือเป็นช่วงเวลาแห่งความผิดหวังสำหรับนักลงทุน แต่หลังจากที่บริษัทได้ควบรวมกิจการกับ Red Hat ซึ่งเป็นบริษัทที่เชียวชาญด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์แล้วทำให้เราได้เห็นรูปแบบการจัดการใหม่ที่ทันสมัยและเชื่อว่าจะพา IBM กลับสู่ความรุ่งโรจน์ได้อีกครั้งเมื่อวิกฤตโควิดผ่านพ้นไป
ที่สำคัญ IBM ยังมีบัญชีงบดุลที่ถือว่าอยู่ในระดับดี สามารถจัดการได้และมีเงินทุนไหลเวียนมากพอที่จะปันผลให้กับนักลงทุนในระยะยาว ล่าสุด IBM มีตัวเลขการปันผลต่อหุ้นรายไตรมาสอยู่ที่ $1.63 และมีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $124.93
2. General Mills
บริษัทผู้ทรงอิทธิพลอายุมากกว่า 100 ปีในวงการผลิตอาหารสำเร็จรูปรายใหญ่และมีแบรนด์ไอศกรีมที่เรารู้จักกันดีในนามของ “Haagen-Dazs” อย่าง General Mills (NYSE:GIS) คือตัวเลือกที่ดีสำหรับการลงทุนในระยะยาวเพราะการบริโภคคือสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า “มนุษย์” ไม่ว่าจะยามเศรษฐกิจดีหรือแย่อย่างไรมนุษย์ก็ต้องกินเพื่อดำรงชีพและนั่นคือเหตุผลที่บริษัท General Mills สามารถลอยตัวอยู่เหนือปัญหาทางเศรษฐกิจทั้งมวลได้
ปัจจุบันราคาหุ้นของ General Mills ขึ้นมาแล้ว 35% นับจากจุดต่ำสุดของเดือนมีนาคม มีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $64.62 และจากที่ดูพฤติกรรมราคาแล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะผันผวนหรือทรุดลงง่ายๆ ในเร็ววัน อีกหนึ่งสิทธิประโยชน์ที่ผู้ถือหุ้น General Mills จะได้ก็คือการปันผล 3.1% ซึ่งสำหรับในช่วงเศรษฐกิจขาลงแบบนี้ถือเป็นตัวเลขที่สูงมาก
ในแง่ของการเติบโตบริษัท General Mills พยายามที่จะกระจายแหล่งที่มาของรายได้ซึ่งในปี 2018 พวกเขาก็ได้ซื้อบริษัทอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงอย่าง Blue Buffalo เข้ามาซีลเป็นีลที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทในรอบ 18 ปี และการลงทุนนั้นก็ไม่ทำให้บริษัทผิดหวังเลยเพราะในยามที่ราคาสินค้าและต้นทุนการผลิตแพงขึ้นบริษัทกลับมีกำไรจากอาหารของสัตว์เลี้ยงมาช่วยเอาไว้
แม้ว่า GIS จะเป็นหุ้นที่ทำผลงานได้ไม่โดดเด่นในตลาดขาขึ้น แต่เมื่อพูดถึงการตั้งรับในช่วงเศรษฐกิจขาลงแล้วรับรองได้ว่าหุ้นของ General Mills ไม่เป็นสองรองใครอย่างแน่นอน
3. Brookfield Renewable Partners
โดยปกติแล้วอัตราการเติบโตของบริษัทที่ลงทุนทำเกี่ยวกับสาธารณูปโภคจะมีข้อจำกัดทางกฎหมายในเรื่องของอัตราการปันผลตอบแทนแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีสาธารณูปโภคบางอย่างที่มีอัตราการเติบโตสูงและยังไม่ถูกจำกัดด้วยข้อกฎหมายมากนักอย่างเช่นพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ ก๊าซธรรมชาติ ฯลฯ อ้างอิงข้อมูลจากมอร์แกน สแตนลีย์เปิดเผยว่าธุรกิจพลังงานทางเลือกมีแต่จะเติบโตขึ้นตามเทคโนโลยีที่พัฒนาไปซึ่งยิ่งเป็นการเปิดโอกาสให้กับนักลงทุนที่ต้องการการปันผลที่มีความมั่นคงสูง
ถ้าพูดกันถึงเรื่องพลังงานทางเลือกหนึ่งในพลังงานที่ทุกคนกำลังจับตามองมากที่สุดในตอนนี้คือพลังงานสะอาดและบริษัทที่เป็นหนึ่งในผู้ผลิตพลังงานทดแทนอิสระรายใหญ่ที่สุดของโลก ควบคุมโรงงานมากถึง 876 โรงงานในอเมริกาเหนือ ใต้และยุโรปอย่าง Brookfield Renewable Partners หรือ BRP (NYSE:BEP) คือตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุด ไม่ว่าจะเป็นพลังงานทางเลือกรูปแบบใดก็ตามเช่นพลังงานไฟฟ้าจากน้ำ ลม แสงอาทิตย์ พลังงานชีวภาพล้วนแล้วแต่อยู่ในมือของ BRP ทั้งสิ้น
BRP มีเปอร์เซนต์การจ่ายเงินปันผลรายไตรมาสอยู่ที่ $0.435 ต่อหน่วยและมีอัตราการเติบโตของพอร์ตเฉลี่ยต่อปีแบบทบต้น (CAGR) หรือเปอร์เซ็นต์กำไรต่อปีของพอร์ตอยู่ที่ 6% ตอนนี้ BRP คาดว่าจะได้เงินทุนจากการดำเนินงาน (FFO) ต่อหน่วยเพิ่มขึ้น 10% เพื่อช่วยดันให้ตัวเลข CARG เพิ่มขึ้นให้ได้ก่อนถึงปี 2024 ซึ่งเป็นปีที่บริษัทมองว่าจะมีผู้สนใจลงทุนในพลังงานสะอาดเพิ่มขึ้นอีก
ในการรายงานผลประกอบการล่าสุดของ BRP บริษัทได้คาดการณ์เป้าหมายการเติบโตขึ้นของธุรกิจพลังงานทดแทนเอาไว้โดยเฉลี่ยที่ 5-9% ต่อปี ตลอด 5 ปี ที่ผ่านมาหุ้น BEP ให้ผลตอบแทนที่ดีเยี่ยมแก่ผู้ถือหุ้นอยู่เสมอ มีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $43.54 ส่วนตัวแล้วเราชอบที่บริษัทมีการปันผลมากกว่า 4% และเชื่อว่า BRP ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกในอนาคต