รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

NASDAQ ร่วงจากจุดสูงสุด -10% เกิดอะไรขึ้นกับหุ้นเทคฯในอเมริกาเมื่อคืนนี้

เผยแพร่ 11/09/2563 10:41
อัพเดท 09/07/2566 17:32

NASDAQ Composite ร่วงจากจุดสูงสุด -10% เกิดอะไรขึ้นกับหุ้นเทคฯในอเมริกา

เมื่อคืนนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯกำลังบอกเราว่า การปรับฐานอาจจะยังไม่จบ

Dow Jones Industrial Average ปิดที่ 27,534.58 จุด ลดลง 405.89 จุด หรือ -1.45% ขณะที่ S&P 500 ปิดที่ระดับ 3,339.19 จุด ลดลง 59.77 จุด หรือ -1.76% ส่วน Nasdaq ปิดที่ 10,919.59 จุด ลดลง 221.97 จุด หรือ -1.99%

เมื่อย้อนกลับไปดูนับตั้งแต่ปลายเดือนมี.ค. เป็นต้นมา จะพบว่า NASDAQ นั้น Outperform ตลาดหุ้นอื่นๆ สาเหตุเพราะ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้รับประโยชน์จากช่วงที่มีการ Lockdown และ นโยบาย Social Distancing ไม่มากก็น้อย แต่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีที่เจอแรงเทขายรุนแรง ก็คือ หุ้นในกลุ่ม NASDAQ ด้วยเช่นเดียวกัน

เราไปดูกันว่า เกิดอะไรขึ้นกับหุ้นกลุ่มเทคฯ ในช่วงไม่ถึงสัปดาห์ที่ผ่านมา

1. หุ้นที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในชั่วโมงนี้ เห็นจะเป็น Tesla Inc (NASDAQ:TSLA) ซึ่งราคาเพิ่งไปแตะ $500 เมื่อสิ้นเดือนส.ค. พอดี แต่มาเมื่อคืน ราคาปิดที่ $371 เท่ากับว่า ปรับตัวลงมาจากจุดสูงสุดแล้วถึง -25% ทีเดียว ซึ่งปัจจัยหนึ่งที่ตลาดพูดถึงก็คือ S&P ปฏิเสธที่จะเพิ่ม Tesla ในการคำนวนดัชนี S&P500 ทำให้นักลงทุนที่คาดหวังว่าเหล่ากองทุน ETF จะต้องเข้ามาลากซื้อหุ้น Tesla ถ้ามีการคำนวน ก็ต้องผิดหวังไปตามๆกัน แต่ทั้งนี้ จะเข้าคำนวนหรือไม่เข้าคำนวน Tesla ยังมีโอกาสในการลุ้นอีกในทุกๆไตรมาส

2. อีกมุมหนึ่ง จริงๆ เราต้องยอมรับว่า หุ้น Tesla มันก็แพงจริง ขณะที่ปีหนึ่งผลิตรถและส่งมอบได้ไม่เกิน 80,000 คัน แต่กลับมี Market Cap แซงหน้า Toyota ซ฿่งผลิตรถและขายได้ปีละ 3 ล้านคัน ขณะที่เราเห็นราคาย่อลงมาแรงขนาดนี้ PE Ratio ของ Tesla ยังสูงปรี๊ดดด อยู่ที่ 800 เท่า ก็ทำให้นักลงทุนที่ยังอยู่ใน Playbook เก่าๆที่มองเรื่อง Valuation คงยังไม่เข้าซื้อหุ้น Tesla ในตอนนี้แน่นอน

3. อีกเรื่องที่ตลาดกังวล ก็คือ การที่ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ เปิดเผยในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่ทำเนียบขาวว่า เขาจะลดระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯและจีน พร้อมกับขู่ว่าจะมีมาตรการลงโทษบริษัทของสหรัฐฯที่ไปสร้างงานในต่างประเทศ และจะกีดกันบริษัทที่เข้าไปลงทุนในประเทศจีนไม่ให้ได้รับสัญญาทางธุรกิจกับรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ซึ่งนักลงทุนก็มองไปว่า เหล่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี จะเป็นเป้าและได้รับผลกระทบจากนโยบายดังกล่าวเต็มๆ

4. และมีรายงานตั้งแต่ต้นสัปดาห์ว่า กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กำลังประเมินว่าจะเพิ่มบริษัท SMIC ผู้ผลิต Semiconductor รายใหญ่ที่สุดของจีน ลงใน Blacklist ของกระทรวงพาณิชย์ด้วยอีกราย โดยตั้งข้อสันนิษฐานว่า บริษัทอาจมีความสัมพันธ์กับกองทัพจีน ถามว่า การขึ้นบัญชีดำครั้งนี้ มีผลเสียต่อจีนอย่างไร ก็ขออธิบายตามนี้ครับ ที่ผ่านมา SMIC ยังอาศัยอุปกรณ์การผลิตชิปของสหรัฐฯ ถ้าโดนขึ้น Blacklist จะส่งผลให้บรรดาซัพพลายเออต้องไปขอใบอนุญาตก่อนส่งมอบสินค้าให้กับ SMIC กับกระทรวงพาณิชย์ก่อน แปลว่าบริษัทจะได้รับอุปกรณ์ที่จำเป็นในการพัฒนาขีดความสามารถยากขึ้นไปอีก

5. สาเหตุที่ต้องแบน SMIC ในเบื้องหลังนั้นชัดเจนว่า สหรัฐฯ ต้องการจะชะลอการพัฒนาเทคโนโลยีของจีน ซึ่งปัจจุบันล้ำหน้าไปไกลกว่าสหรัฐฯหลายช่วงตัว เห็นไหมครับ ตอนแรกก็เริ่มแบนสินค้าที่ขายกับ User ตรงๆอย่างแบน Huawei หรือ Hikvision มาตอนนี้ ก็ลงลึกไปถึงผู้ผลิตต้นน้ำอย่าง Semiconductor เลย เป้าหมายก็ชัดเจน สหรัฐฯ ต้องการจะหยุดการพัฒนาเทคโนโลยีของจีนให้ได้ ไม่งั้นตามไม่ทันแน่ๆ

6. อีกปัจจัยที่ฉุดหุ้นสหรัฐฯลงมาก็คือ การที่ EIA คาดการณ์ Demand ปี 2020 ที่ 93.1 million bpd ลดลง 8.3 million bpd (YoY) โดยเมื่อวันที่ 8 กันยายน Saudi Arabia ลดราคา Official Selling Price ให้กับลูกค้าในเอเชีย สะท้อนว่า ขณะที่ Demand ยังไม่ฟื้น แต่ก็มีความพยายามเพิ่ม Supply ต่อเนื่อง กดดันให้ราคาน้ำมัน WTI ไหลร่วงจาก $45 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ลงมาเทรดที่ $37 ในตอนนี้

7. ข่าวที่น่าสนใจอีกอย่างคือ เมื่อคืน ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และมีมติคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามโครงการ Pandemic Emergency Purchase Programme (PEPP) ที่ระดับ 1.35 ล้านล้านยูโร

8. โดยทางทางด้านประธาน ECB คริสติน ลาการ์ด ให้ความเห็นว่า เศรษฐกิจยูโรโซนมีแนวโน้มหดตัวลง 8.0% ในปีนี้ ซึ่งถือเป็นตัวเลขคาดการณ์ที่ดีกว่าที่ระบุในเดือนมิ.ย.ว่าเศรษฐกิจจะหดตัว 8.7% ในปีนี้ นอกจากนี้ นางลาการ์ดคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนขยายตัว 0.3% ในปีนี้ และ 1.0% ในปีหน้า โดยสรุป คือ ECB มีมุมมองที่ดีขึ้นกับเศรษฐกิจยุโรปเมื่อเทียบกับการประชุมครั้งก่อนหน้าในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา

9. สัปดาห์หน้า Highlight จะไปอยู่ที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ในวันที่ 15-16 ก.ย.ซึ่งจะมีการเปิดเผย Dot plot ว่าเฟดมีมมุมมองอย่างไรต่อดอกเบี้ยนโยบายในอนาคต และเห็นตัวเลขเศรษฐกิจเป็นเช่นไร หากออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด ก็จะเป็นจุดเปลี่ยนให้ตลาดกลับมามีแรงซื้อก็เป็นไปได้

10. มุมมองทางเทคนิค S&P 500 หลุด Uptrend Channel เช่นเดียวกับ NASDAQ มีโอกาสลงมาทดสอบแนวรับ Fibonacci Retracement 61.80% ข้างล่าง ซึ่งแปลว่ายังเหลือ Downside Risk อีกราวๆ -6% เป็นแนวรับแรก ใครเล่นสั้น หรือ เก็บกำไรออกมาเยอะ อยากจะลดพอร์ตออกไปก่อน สามารถทำได้ ใครเงินสดในมือยังเยอะ ลงมาเจอแนวรับ เป็นโอกาสทยอยสะสม

อย่าลืมว่า หุ้นสหรัฐฯมีเจ้ามือที่ชื่อว่า “Fed” ฉะนั้นหากตลาดลงมาแรงมากเกินไป เชื่อว่า มาตรการใหม่ๆ จะถูกหยิบมาใช้เพื่อสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนไม่ช้าก็เร็ว

Mr.Messenger รายงาน
บทความนี้ได้รับการเผยแพร่ครั้งแรกบนเพจ MrMessengerDiary

ความคิดเห็นล่าสุด

ขอบคุณ​ค่ะ​
👍🏻
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย