รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

หุ้นบริษัทรถยนต์ของใครน่าซื้อกว่ากันระหว่าง GM กับ Ford?

โดยInvesting.com
ผู้เขียนHaris Anwar
เผยแพร่ 11/11/2563 14:59
อัพเดท 02/09/2563 13:05

อุตสาหกรรมผู้ผลิตรถยนต์คือหนึ่งในผู้ที่ได้รับผลกระทบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มากที่สุดกลุ่มหนึ่ง เจ้าไวรัสโคโรนาได้เข้าไปทำให้การผลิตต้องล่าช้าออกไปในขณะเดี่ยวกันก็ทำลายความต้องการซื้อรถยนต์ด้วยการทำร้ายระบบเศรษฐกิจห้ามผู้คนออกจากบ้านไปทำกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนย้ายไปมาบ่อยๆ ผลกระทบดังกล่าวทำให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์หลายแห่งต้องตัดสินใจลดต้นทุน ปลดพนักงานในส่วนที่ไม่จำเป็นออกและลดจำนวนเงินปันผลให้กับนักลงทุน

อย่างไรก็ตาม ในช่วงการรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สามที่ผ่านมา เราพบว่ามีบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่สามารถฟื้นตัวกลับมาจากช่วงเวลาที่เลวร้ายได้อย่างน่าสนใจเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นๆ ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงสองบริษัทดังกล่าวที่มีชื่อว่าเจนเนอรัล มอเตอร์ (NYSE:GM) และฟอร์ด (NYSE:F) เพื่อทำความเข้าใจว่าระหว่างหุ้นของทั้งสองบริษัท หุ้นของใครมีความน่าสนใจมากกว่ากัน

1. General Motors

บริษัทผู้ผลิตรถยนต์จากเมืองดีทรอยด์รัฐมิชิแกนสามารถรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สามที่เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว 74% ในขณะเดียวกัน ตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นก็สามารถเพิ่มขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์ $1.75 ขึ้นมาเป็น $2.83 นี่คือตัวเลขที่เพิ่มขึ้น $1.72 เมื่อเทียบกับปีที่แล้วและดีกว่าตัวเลขในไตรมาสที่สองที่บริษัทได้รายงานตัวเลขผลประกอบการติดลบเป็นครั้งแรกในทศวรรษ

ตัวเลขผลกำไรที่ออกมานี้ดีพอที่จะทำให้ CEO บริษัทนาง Mary Barra กล้าประกาศว่าจะกลับมาจ่ายเงินปันผลให้แก่นักลงทุนภายในช่วงกลางปี 2021 หลังจากที่หยุดการปันผลมาตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2020GM Weekly TTM

ปัจจัยที่ช่วยทำให้หุ้น GM สามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้เร็วมีอยู่สองประการ หนึ่งคือแผนการปรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัทภายใต้การนำของ CEO แมรี่เริ่มเห็นผล ส่วนเหตุผลที่สองคือยอดขายรถ GM ในประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดซื้อรถที่ใหญ่ที่สุดของโลกเพิ่มขึ้น 12% เฉพาะในไตรมาสที่สาม นี่คือการดีดตัวกลับขึ้นมาของกราฟยอดขายที่ดูเหมือนจะค่อยๆ ลดลงมาตั้งแต่ก่อนเจอโควิด

นาง Mary Barra ให้สัมภาษณ์กับช่องทีวีบลูมเบิร์กว่า

“บริษัทเห็นความต้องการซื้อรถยนต์ GM กลับมาในทุกๆ รุ่นที่เราวางขายโดยเฉพาะอย่างยิ่งยอดขายในรถยนต์ระดับสูง เมื่อเป็นเช่นนั้นเราจึงเร่งกำลังการผลิตของเราตอนนี้ให้สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

จากปริมาณความต้องการที่เพิ่มขึ้นจึงทำให้หุ้นของบริษัท GM โดดเด่นกว่าบริษัทอื่นที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน ราคาหุ้น GM ในตอนนี้ขึ้นมาจากจุดต่ำสุดเดือนมีนาคมมากกว่าสองเท่า มีราคาซื้อขายล่าสุดอยู่ที่ $41.08 

ยิ่งไปกว่านั้น GM ยังเดินเกมรุกอย่างหนักเปิดตัวรถรุ่นใหม่อย่าง GMC Hammer EV เมื่อเดือนที่แล้ว พร้อมกับประกาศว่าจะลงทุนด้วยเงินจำนวน $2,000 ล้านเหรียญสหรัฐในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า อย่างไรก็ตามเรื่องการสร้างรถไฟฟ้าเป็นสิ่งที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้อยู่แล้วว่าจะต้องเป็นเทรนด์ใหม่ที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ต่อจากนี้ต้องทำให้ได้ เพราะบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชื่อดังอย่างเทสลา (NASDAQ:TSLA) สามารถทำผลงานได้อย่างโดดเด่นตลอดช่วงเวลาของการแพร่ระบาดที่ผ่านมา

2. Ford

ในการรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สามปี 2020 บริษัทฟอร์ดก็ประสบความสำเร็จในการทำกำไรเอาชนะตัวเลขคาดการณ์เช่นเดียวกับจีเอ็มด้วยตัวเลข $37,500 ล้านเหรียญสหรัฐและมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นออกมาเป็น $0.65 มากกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ $0.19 การเพิ่มขึ้นของยอดขายในพื้นที่ทางอเมริกาเหนือทำให้ฟอร์ดกล้าที่จะประเมินตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรทั้งปีใหม่จากติดลบกลับขึ้นมาเป็นบวก

F Weekly TTM

ก่อนหน้าที่จะเกิดการแพร่ระบาด บริษัทฟอร์ดกำลังอยู่ในช่วงที่พยายามจะเปลี่ยนกลยุทธ์การขายรถยนต์ของตัวเอง ยอดขายที่เพิ่มขึ้นในทุกๆ ปีจากความสนใจของผู้บริโภคทั่วโลกค่อยๆ ลดลงมาตลอดจนเห็นผลมากที่สุดในปี 2019 เพราะกำไรที่ได้มาหายไปเกือบครึ่งจากที่เคยทำได้

เพื่อเอาชนะอุปสรรคดังกล่าว ฟอร์ดตัดสินใจที่จะออกจากตลาดการขายรถขนาดเล็ก กระโดดเข้าไปเน้นที่การขายรถประเภทกระบะและ SUV ความพยายามนี้ประกอบกับการบริหารของประธานเจ้าที่บริหารคนล่าสุดนาย Jim Farley พอจะช่วยให้ฟอร์ดสามารถเอาตัวรอดในช่วยเวลาแห่งภัยพิบัติโควิดไปได้ซึ่งคำว่า “พอจะช่วย” เอาตัวรอดไปได้นี้เองทำให้นักวิเคราะห์จากวอลล์ สตรีท 24 คนมีเพียง 4 คนเท่านั้นที่กล้าให้คะแนนว่าควรซื้อหุ้นฟอร์ดและปรับค่าเฉลี่ยของกำไรบริษัทในรอบ 12 เดือนขึ้นเป็น $8.79

หลังจากลงไปสร้างจุดต่ำสุดที่ $3.96 ในเดือนมีนาคม ปัจจุบันหุ้นฟอร์ดมีราคาซื้อขายอยู่ที่ $8.38

โดยสรุปแล้ว

จากภาพรวมโดยทั่วไป จะเห็นได้ว่าจีเอ็มยังเป็นต่อมากกว่าฟอร์ดอยู่พอสมควรเมื่อเทียบกับยอดขายในอเมริกาเหนือและประเทศจีน แม้ว่าการเปลี่ยนมาเล่นรถกระบะหรือ SUV จะสามารถทำกำไรให้กับทั้งสองบริษัท แต่การที่จีเอ็มสามารถออกจากตลาดเอเชียได้เร็วกว่าฟอร์ดทำให้ฟอร์ดเจ็บตัวมากกว่า ที่สำคัญเมื่อเทียบการเติบโตของผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของทั้งสองบริษัทเราพบว่าจีเอ็มมีการเติบโตของกำไรที่เยอะกว่า ด้วยเหตุผลทั้งหมด สำหรับตอนนี้เราจึงขอยกให้หุ้นของจีเอ็มเป็นตัวเลือกที่น่าลงทุนมากกว่าฟอร์ด

ความคิดเห็นล่าสุด

👍🏻
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย