ขณะนี้เรากำลังเฝ้าจับตาสามเหตุการณ์จากภูมิภาคผู้ผลิตน้ำมันสามแห่งใหญ่ ที่ขณะนี้กำลังส่งผลต่ออุปทาน น้ำมันดิบ ทั่วโลกในด้านต่าง ๆ และอาจส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันทั้งในระยะเวลาอันสั้น ในระยะกลาง และอาจถึงขั้นในระยะยาวได้
1. ท่าขนส่งทางเรือของเมืองฮุสตันปิดตัวลง
การปิดท่าขนส่งทางเรือของเมืองฮุสตัน อันเนื่องมาจากการเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่อาคารจัดเก็บสารเคมีทำให้สารเคมีที่เป็นพิษระเหยขึ้นไปบนอากาศ ส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการขนส่งและสร้างความเสียหายแก่การนำเข้าน้ำมันดิบและผลผลิตจากโรงกลั่นที่ปฏิบัติงานในบริเวณดังกล่าว นอกจากนี้เหตุเพลิงไหม้ยังก่อให้เกิดสารเคมีที่รั่วไหลลงสู่บริเวณผืนน้ำ จึงเป็นสาเหตุที่ต้องปิดท่าเรือหลายวันเพื่อกำจัดสารเคมีรั่วไหลให้หมดเสียก่อน
ความล่าช้าดังกล่าวเริ่มส่งผลเสียแก่การผลิตในโรงกลั่น เนื่องจากไม่มีการส่งน้ำมันดิบมายังโรงกลั่นได้มากพอ ตัวอย่างเช่น โรงกลั่นของ Shell (NYSE:RDSa) ใน Deer Park ที่ออกมาประกาศว่าอาจจำเป็นต้องปิดตัวลงในช่วงสุดสัปดาห์นี้ถ้าหากการขนส่งน้ำมันดิบยังมาไม่ถึงในเร็ว ๆ นี้ โดยในแต่ละวันโรงกลั่นดังกล่าวสามารถกลั่นน้ำมันดิบได้ถึง 340,000 บาร์เรลต่อวัน
ยิ่งไปกว่านั้น เหตุการณ์นี้ยังส่งผลกระทบต่อการนำเข้าและส่งออกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ อีกด้วย ฉะนั้นผู้ลงทุนควรตระหนักไว้ว่าปัญหาเหล่านี้อาจปรากฎในรายงานของสำนักงานสารสนเทศพลังงานสหรัฐฯ ทั้งสัปดาห์นี้และสัปดาห์ เนื่องจากความล่าช้าที่เกิดจากเหตุการณ์นี้ คาดว่า จะยังคงดำเนินต่อเนื่องไปอีกสามถึงห้าวัน
2. คาซัคสถานกำลังจะลดกำลังการผลิตน้ำมัน
ประเทศคาซัคสถานเป็นผู้ผลิตน้ำมันทางภาคกลางของฝั่งเอเชีย และเป็นผู้เข้าร่วมในข้อตกลงการร่วมมือของกลุ่มโอเปกและกลุ่มผู้ผลิตนอกโอเปก แต่ในอดีตที่ผ่านมาคาซัคสถานยังไม่สามารถดำเนินการตามข้อตกลงการลดกำลังการผลิตได้ ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากข้อผูกพันที่คาซัคสถานมีต่อบริษัทน้ำมันอย่างบริษัท Total (NYSE:TOT) ที่เป็นผู้ พัฒนา บ่อน้ำมันคาชากันขนาดยักษ์
ณ การประชุมคณะกรรมการติดตามผลการลดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ (JMMC) ครั้งล่าสุดที่ประเทศอาเซอร์ไบจาน คาซัคสถานได้เผยว่าจะมีการ ลดกำลังการผลิต เพื่อที่กำลังการผลิตโดยเฉลี่ยตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงเดือนมิถุนายนจะได้ครบโควตาที่กำหนด ซึ่งทำได้โดยการปิดแหล่งผลิตน้ำมันหลายแห่งในคาชากันเพื่อการซ่อมบำรุง เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายนนี้ไปจนถึงกลางเดือนมิถุนายน
เป็นที่ทราบดีอยู่แล้วว่าผลผลิตน้ำมันจากคาซัคสถานได้ลดลงไปบางส่วนแล้วในขณะนี้ โดยอาจสืบเนื่องมาจาก เหตุเพลิงไหม้ ที่บ่อน้ำมันคาลัมกาส จากรายงานของสำนักข่าวบลูมเบิร์กอ้างว่า คาซัคสถานมีอัตราการผลิตน้ำมันเพียง 1.757 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วงครึ่งหลังของเดือนมีนาคม จากที่ เคยมีกำลังการผลิต ถึง 1.884 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วงสองสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคม
3. เหตุไฟฟ้าดับที่เวเนซูเอลา
เหตุไฟฟ้าดับก่อให้เกิดความโกลาหลอย่างยิ่งในเมืองการากัสซึ่งเป็นเมืองหลวงของเวเนซูเอลา และยังส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่ออุตสาหกรรมน้ำมันดิบ จากรายงานข่าวของรอยเตอร์รายงานว่า โรงงานแปรรูปน้ำมันดิบทั้งสี่แห่งต้องปิดตัวลง เดิมทีโรงงานแปรรูปน้ำมันดิบดังกล่าวมีไว้เพื่อแปรรูปน้ำมันดิบเป็นสสารที่สามารถเคลื่อนที่ผ่านท่อขนส่งและลำเลียงขึ้นบนเรือได้
โดยปกติแล้ว โรงงานแปรรูปเหล่านี้มีกำลังการผลิตที่สูงสุดถึง 700,000 บาร์เรลต่อวัน ทว่านับตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคมเป็นต้นมายังไม่มีการขนส่งน้ำมันดิบออกมาจากเวเนซูเอลาเลย แม้ว่าการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ จะเป็นปัจจัยที่ทำให้ปริมาณส่งออกน้ำมันเวเนซูเอลาลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ แต่ขณะนี้อินเดียกับจีนก็ยังคงนำเข้าน้ำมันจากเวเนซูเอลาอยู่
เดิมทีเวเนซูเอลาส่งออกน้ำมันราว 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน แต่ถ้าหากการส่งออกน้ำมันหยุดชะงักอย่างสิ้นเชิงเนื่องมาจากเหตุไฟฟ้าดับ ราคาน้ำมันจะต้องพุ่งสูงขึ้นอย่างแน่นอน และน้ำมันดิบชนิดหนักที่ผลิตในเวเนซูเอลาเป็นน้ำมันดิบชนิดที่ไม่ค่อยมีในท้องตลาด ฉะนั้นการที่น้ำมันเวเนซูเอลาขาดตลาดอาจส่งผลเสียเป็นวงกว้าง อันจะเห็นได้ชัดที่สุดจาก สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์