ภาพรวมตลาดฟอเร็กซ์ประจำวันที่ 18 เมษายน 2019
โดย Kathy Lien กรรมการผู้จัดการด้านกลยุทธ์ฟอเร็กซ์จาก BK Asset Management
ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ พุ่งขึ้น และ USD ก็ดูจะเป็นเช่นนั้น
การรายงานข้อมูลทางเศรษฐกิจในช่วงเช้าเมื่อวานนี้ออกมาเกิดการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กรวบรวมมา ข้อมูลรายจ่ายผู้บริโภค ประจำเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้นถึง 1.6% ซึ่งเป็นการเติบโตที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2017 จากผลคาดการณ์เฉลี่ยที่เพียง 1% และการคาดการณ์ที่ตั้งไว้สูงสุดคือ 1.3% แม้ว่าราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นล่าสุดมีส่วนช่วยหนุนข้อมูลดังกล่าว แต่อุปสงค์จาก รายจ่ายโดยไม่รวมการซื้อที่เกี่ยวกับน้ำมันและยานยนต์ ก็ยังคงแข็งแกร่งอยู่ดี นอกจากนี้ยังมีการปรับแก้ข้อมูลจากเดือนที่แล้วด้วย เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มหันมาจับจ่ายภายหลังจากการปิดทำเนียบขาวสหรัฐฯ และอุปสงค์ก็ได้รับแรงหนุนจากทั้งตลาดแรงงานที่เข้มแข็ง อัตราจ้างที่เพิ่มขึ้น และตลาดหุ้นที่ปรับขึ้นอีกด้วย ในอนาคตข้างหน้ารายจ่ายผู้บริโภคน่าจะยังออกมาดีเนื่องจาก จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ได้ลดลงสู่ระดับที่ต่ำสุดในรอบ 50 ปี ฉะนั้นตัวเลขล่าสุดที่ออกมาแสดงให้เห็นว่าการชะลอตัวในช่วงต้นปีนั้นเป็นเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น และถ้าหากข้อมูลทางเศรษฐกิจยังคงออกมาอย่างแข็งแกร่งเช่นนี้ เฟดน่าจะกลับมาพิจารณา การขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในปลายปีนี้อย่างแน่นอน
น่าเสียดายที่รายงานทางเศรษฐกิจข้างต้นกลับไม่เพียงพอที่จะช่วยหนุนคู่ USD/JPY แทนที่แรงซื้อจะเพิ่มขึ้น กลับเกิดการเทขายหลังการประกาศข้อมูล ส่วนหนึ่งอาจมีสาเหตุมาจากแนวต้านหลักที่ระดับ 112 และการเทขายที่จุดทำกำไรก่อนช่วงหยุดเทศกาลอีสเตอร์ แต่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ลดลงเมื่อวานนี้เช่นกัน นั่นหมายความว่าผู้ลงทุนพันธบัตรรัฐบาลยังไม่ค่อยพอใจกับ ยอดค้าปลีก ที่ออกมาเท่าไรนัก อาจเป็นเพราะว่าผู้ลงทุนยังไม่คิดว่าตัวเลขที่ออกมาแข็งแกร่งเพียงเดือนเดียวจะทำให้ธนาคารกลางเปลี่ยนมุมมองทางเศรษฐกิจได้ คณะผู้ร่างนโยบายส่วนใหญ่ได้เล็งเห็นถึงขาขึ้นในตลาดแรงงาน รวมถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดการพลิกฟื้นในรายจ่ายผู้บริโภค แต่ประเด็นหลักที่เฟดกังวลคือการเติบโตทางเศรษฐกิจในต่างประเทศและสถานการณ์ทางการค้า ซึ่งเป็นสองประเด็นที่มีความสุ่มเสี่ยงอย่างมากต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และทั่วโลก ทั้งนี้เนื่องจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ จะปิดทำการในวันศุกร์ และตลาดอื่น ๆ ส่วนใหญ่ก็จะหยุดทำการวันศุกร์และวันจันทร์ด้วย เราจึงคาดว่าข้อมูลจาก ตลาดอสังหาริมทรัพย์ และ ใบอนุญาตก่อสร้าง ที่จะออกมาในวันศุกร์นี้จะไม่ส่งผลอะไรต่อ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มากนัก หากคู่ USD/JPY ไม่สามารถทะลุแนวต้าน 112 ได้จากข้อมูลดังกล่าว โอกาสที่คู่สกุลเงินจะทะลุแนวต้านในวันศุกร์และวันจันทร์นั้นก็แทบจะไม่มีเลย
แม้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับ เงินเยน แต่กลับแข็งค่าขึ้นเมื่อซื้อขายคู่กับสกุลเงินอื่น ๆ เมื่อลองสังเกตดูการเคลื่อนไหวของหุ้นสหรัฐฯ ที่ขยับหลายทิศทาง ทั้ง Dow ที่ขยับขึ้นและ S&P 500 ปรับลง การเคลื่อนไหวเหล่านี้ไม่ได้มีผลมาจากการเลี่ยงความเสี่ยงในการลงทุนแต่อย่างใด เงินยูโร อ่อนค่าลงเนื่องจากดัชนี PMI ออกมาอ่อนแอลง อ้างอิงจากนายบอริส ชลอสส์เบิร์ก ดัชนี PMI ภาคการผลิตในยูโรโซนล่าสุดออกมาเท่ากับ 47.8 จาก 48.1 และมีแนวโน้มว่าจะลดลงไปเรื่อย ๆ โดย Markit ได้แสดงทัศนะไว้ว่า “ปริมาณการสั่งซื้อคงค้างลดลงเป็นครั้งที่สี่ในรอบห้าเดือนที่ผ่านมา และยังไม่มีความคืบหน้าที่ดีขึ้นนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปริมาณการสั่งซื้อคงค้างในเดือนนี้ลดลงจากเมื่อเดือนมีนาคมซึ่งเป็นจุดที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2014 เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ข่าวดีเพียงประการเดียวจากรายงานดังกล่าวคือการพลิกฟื้นของดัชนี PMI ภาคกิจการบริการที่ช่วยชดเชยความอ่อนแอในภาคอุตสาหกรรมได้บางส่วน ฉะนั้นภาคอุตสาหกรรมของยุโรปยังไม่มีวี่แววว่าจะพลิกฟื้นขึ้นมาในเร็ววันนี้ และความหวังเพียงหนึ่งเดียวของภูมิภาคในขณะนี้คือการเติบโตในภาคกิจการบริการที่มีอุปสงค์ที่มั่นคงและแข็งแกร่งกว่า”
ทางด้านสกุลเงินอื่น ๆ ข้อมูลทางเศรษฐกิจแคนาดา ออสเตรเลีย และสหราชอาณาจักรต่างก็ออกมาดีกว่าคาดการณ์ แต่กลับไม่ได้กระตุ้นให้เกิดการซื้อมากนัก แคนาดามีรายงานการเติบโตของ ยอดค้าปลีก ที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2018 ซึ่งควรจะเป็นข่าวดีสำหรับ CAD รวมถึงรายงาน อัตราเงินเฟ้อ และ ตัวเลขทางการค้า ที่ออกมาในสัปดาห์นี้ด้วย แต่สกุลเงินแทบไม่มีการขยับเขยื้อนเลย ในเดือนนี้เงินดอลลาร์แคนาดายังติดอยู่ในกรอบราคาระหว่าง 1.3280 ถึง 1.34 ฉะนั้นปัจจัยที่จะช่วยกระตุ้นการทะลุกรอบราคาคือการ แถลงนโยบายทางการเงิน จากธนาคารกลางแคนาดาในสัปดาห์หน้า เหตุผลหนึ่งที่ CAD ยังไม่ตอบสนองใด ๆ ต่อรายงานทางเศรษฐกิจที่ออกมาในแง่บวก เป็นเพราะว่าผู้ลงทุนเกรงว่ารายงานเหล่านั้นยังไม่มีน้ำหนักพอที่จะคลายความกังวลของธนาคารกลางแคนาดาได้
GBP/USD ดิ่งลงไปต่ำกว่า 1.30 แม้ว่า ยอดค้าปลีก จะออกมาแข็งแกร่งมาก บรรดานักเศรษฐศาสตร์ต่างก็เตรียมใจไว้แล้วว่ารายจ่ายผู้บริโภคจะต้องดิ่งลง แต่ยอดค้าปลีกกลับเพิ่มขึ้น 1.1% แม้ว่ายอดขายส่วนใหญ่จะมาจากการสั่งซื้อออนไลน์ก็ตาม สถานการณ์ความไม่มั่นคงเกี่ยวกับ Brexit นั้นแทบไม่มีผลกระทบใด ๆ เลยต่ออุปสงค์ผู้บริโภค ทั้งนี้แม้ยอดค้าปลีกจะเพิ่มขึ้นมาเป็นเดือนที่สามติดต่อกันแล้ว แต่เงินปอนด์กลับยังคงซบเซา ส่วนทางด้าน ตัวเลขจากตลาดแรงงาน ของออสเตรเลียก็ออกมาแข็งแกร่งด้วยการเพิ่มตำแหน่งงานใหม่ 25,000 ตำแหน่งในเดือนมีนาคม และมีการปรับแก้ตัวเลขแรงงานในเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้นด้วย แต่ก็เช่นเดียวกับ GBP/USD คู่สกุลเงิน AUD/USD ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ต่อเส้น SMA แบบ 200 วันและยังดิ่งลงต่อไปในช่วงเวลาการซื้อขายของตลาดนิวยอร์ค