รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

หุ้นอาจยังฟื้นตัวต่อเนื่องได้ในสัปดาห์นี้ แต่ความผันผวนจะเพิ่มขึ้น

เผยแพร่ 12/05/2562 20:13
อัพเดท 02/09/2563 13:05
  • การฟื้นตัวในวันศุกร์ทำได้น้อยและค่อนข้างช้าแต่ไม่ได้หมายความว่าตลาดขาขึ้นจะสิ้นสุดเพียงเท่านี้
  • ข้อมูลทางเทคนิคแสดงให้เห็นรูปธงแดงขาขึ้นโดยตัวชี้วัดหลักต่างๆ ของสหรัฐฯ มีค่าอยู่ต่ำกว่าเส้นแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้นซึ่งแสดงว่ามีจุดอ่อนจากภายใน
  • อัตราผลตอบแทนพลิกโผเป็นครั้งที่สองของปี
  • ราคาน้ำมันยังพยายามขึ้นให้พ้น $60

สถานการณ์หุ้นพลิกกลับขึ้นมาได้ในวันศุกร์ หลังจากที่ตลอดสี่วันที่ผ่านมาทั้ง S&P 500, ดาวโจนส์, NASDAQ และ Russell 2000 ต่างร่วงระนาว เฉพาะ SPX เพียงตัวเดียวมีมูลค่าการซื้อขายในตลาดลดลงถึง 1.4 ล้านล้านเหรียญ ลบล้างผลกำไรที่ทำได้ตลอด 5 สัปดาห์ที่ผ่านมา การที่หุ้นตกในครั้งนี้เกิดจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ขู่จะเพิ่มภาษีจาก 10% เป็น 25% กับสินค้าของจีนมูลค่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่การฟื้นตัวของตลาดในวันศุกร์เกิดขึ้นจากความหวังที่ว่า แม้ว่าจะยังหาข้อยุติในข้อตกลงไม่ได้ แต่ความตึงเครียดในการเจรจาของจีนอาจลดลง

แม้ว่าการเจรจาทางการค้านี้จะเป็นตัวการสำคัญและนักวิเคราะห์หลายฝ่าย รวมทั้งเราเองก็คาดว่าตลาดน่าจะเป็นขาลง การฟื้นตัวในวันศุกร์ยังคงไม่น่าเชื่อถือพอๆ กับช่วงทีมีการเทขายก่อนหน้านี้เช่นกัน

หลาย Sector เริ่มกลับมายืนแดนบวกแต่นักลงทุนยังคงมองหาสิ่งที่มีความปลอดภัยมากกว่า

S&P 500 ปรับตัวขึ้น 0.37% ไปอยู่ในแดนบวกทั้ง 11 sector กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (+1.36%) ปรับตัวขึ้นเนื่องจากประเทศยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจ 2 ประเทศใกล้จะบรรลุข้อตกลงกันแล้ว แต่ กลุ่มสาธารณูปโภค (+1.79%) ปรับตัวขึ้นเนื่องจากนักลงทุนเริ่มมองหาหุ้นที่จะใช้ในการตั้งรับ ดัชนีย่อยเมื่อปิดตลาดมีค่าสูงขึ้นกว่าเดิมในช่วง 2% ของราคาสูงที่สุดในวันที่ 27 มีนาคม บนเส้น 50 DMA กลุ่มสุขภาพ (+0.03) แทบจะไม่ขยับขึ้นเท่าใดนัก หลังจากที่ ผ่านร่างกฎหมายประกันสุขภาพ ภาคครัวเรือนในวันพฤหัสบดี นับเป็นก้าวแรกของพรรคเดโมแครตที่พยายามรับมือกับการพยายามยกเลิก พ.ร.บ. สุขภาพของรัฐบาลทรัมป์

ในขณะที่การฟื้นตัวในช่วงเที่ยงของ S&P 500 อาจทำให้มีขวัญและกำลังใจขึ้นมาได้บ้างจากที่ดัชนีประจำสัปดาห์ลดลงไป 2.18% ในสัปดาห์นี้ ซึ่งถือเป็นการลดค่าลงมากที่สุดของปี ในสัปดาห์นี้ กลุ่มเทคโนโลยี (-3.37%) เป็นกลุ่มที่มีการเทขายแรงที่สุด แต่ทุก sector ก็ยังคงอยู่ในแดนลบ with กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (-0.17%) ยังอยู่ในระดับดีเนื่องจากมีลักษณะของการตั้งรับมากกว่า กลุ่มสาธารณูปโภค (-0.58%) ก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก

Oil Daily

กลุ่มพลังงาน (-0.31%) ทำผลงานได้ดีเป็นอันดับสองเมื่อเทียบกับทุกๆ sector ในสัปดาห์นี้ หลังจากที่ กลุ่มน้ำมัน ปรับตัวไปแตะแนวรับที่เส้น 100 WMA แม้ว่าจะยังมีความกังวลว่าการยุติข้อตกลงกับอิหร่านจะส่งผลให้เกิดความวุ่นวายตามมาแต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น อย่างน้อยก็มี ข้อมูล ของนายไมค์ ปอมเปโอ รมว.ต่างประเทศของสหรัฐฯ เป็นตัวยืนยัน ราคารายวันแสดงให้เห็นถึงตลาดขาลงเป็นธงสามเหลี่ยมกำลังทำระดับ neckline ของจุดต่ำสุด ไปยัง top ของ H&S

นอกเหนือจากเส้น MA รายสัปดาห์ที่กล่าวถึงข้างต้นแล้ว ราคาขยับไปยังจุดสมดุลชั่วคราวเมื่อคราวที่ขึ้นไปแตะจุดสูงสุดในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เมื่อพิจารณาเส้น 50 DMA ร่วมกับ 200 DMA หลังจากเกิด golden cross จึงมีสัญญาณว่าจะทำให้ราคาน่าจะขึ้นไปสูงกว่าเดิมได้ แต่ในขณะนี้ก็ยังไม่เกิดขึ้น การที่ราคาตกลงไปต่ำกว่าระดับ $60 น่าจะช่วยลดปริมาณการซื้อขายที่หนาแน่นลงได้ โดยดิ่งไปทดสอบ $58 อีกครั้ง ซึ่งเป็นระดับการลงทุนเพื่อวัดความน่าสนใจในอุปสงค์-อุปทาน โดยมีแนวรับที่ตามมาอยู่ที่เส้น 100 DMA

SPX Weekly 2018-2019

สำหรับ S&P 500 ดัชนียังคงเป็นขาลงมาตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม ก่อนที่จะได้รับความนิยมกลับขึ้นมายืนจุดนี้ได้อีกครั้ง หลังจากเกิดการปรับตัวลงในช่วงเทศกาลคริสต์มาสอีฟ เราคาดว่าจะเกิดการฟื้นตัวอีกครั้งก่อนที่จะหมดช่วงขาลง มีปัจจัยหนุนหลายอย่างที่ทำให้เกิดเหตุดังกล่าวได้ เช่น วงจรทางธุรกิจที่ค่อนข้างล่าช้ากว่าปกติซึ่งก็คือสิ่งที่เราในตลาดขาขึ้นจากอดีตมาโดยตลอดนั่นก็คือความต้องการถือพันธบัตรรัฐบาลที่สูงขึ้นนั่นเอง ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้จึงทำให้หลายฝ่ายยังไม่เชื่อว่าตลาดจะเป็นขาขึ้น

เรายังคงมองหุ้นขนาดเล็กซึ่งโดยทั่วไปจะมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าหุ้นขนาดใหญ่ เมื่อพิจารณาว่าตลาดน่าจะยังมีความหวังที่จะพบทางออกได้ นักลงทุนก็น่าจะที่จะระบายหุ้นขนาดเล็กออกแล้วไปซื้อหุ้นขนาดใหญ่แทน เนื่องจากน่าจะมีตลาดระดับโลกขนาดใหญ่รองรับมากกว่าองค์กรเล็กๆ ในประเทศ ความผิดปกตินี้ทำให้เราอดสงสัยไม่ได้ว่าการเจรจาทางการค้าในครั้งนี้จะเป็นเพียงภาพลวงตาหรือนักลงทุนไม่คาดหวังว่าการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับจีนจะประสบความสำเร็จตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ เรายังเชื่อว่าหุ้นขนาดเล็กยังจะทำผลกำไรได้ในช่วงที่เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นหรือค่าเงิน ดอลลาร์ แข็งขึ้นได้

ข้อมูลเชิงเทคนิคสำหรับ S&P เช่นเดียวกันกับดาว NASDAQ และ Russell 2000 ชี้ว่าทุกตัวกำลังอ่อนตัวลง ดัชนีอ้างอิงของ S&P ตกลงไปต่ำกว่าเส้นแนวโน้มขาขึ้นระยะสั้นตั้งแต่เดือนธันวาคม และ RSI มีสัญญาณกลับตัวทางลบติดต่อกันเป็นครั้งที่สองตามโมเมนตัมที่ตกลงไปแม้ว่าราคาจะปรับตัวขึ้นไปสูงสุดเป็นประวัติการณ์ก็ตาม

นอกจากนี้ การซื้อขายตั้งแต่ต้นปี 2018 เป็นต้นมาก็มีรูปแบบเป็นแนวกว้างออก แสดงให้เห็นว่ามีราคาสูงสุดตัวใหม่เกิดขึ้นฟากหนึ่งและราคาต่ำสุดตัวใหม่ในอีกฟากหนึ่ง เป็นสัญญาณของตลาดขาลง ณ จุดสูงสุด เนื่องจากมีความกังวลและหวาดกลัวในนโยบายที่เกี่ยวข้อง หรือเรียกง่ายๆ ว่าการขาดผู้นำนั่นเอง

เราสังเกตเห็นการขาดทิศทางที่แน่นอนจากเส้นแนวโน้มที่เปลี่ยนไปมาตลอดเวลา หากธุรกิจอ่อนแอลงจริงๆ ตามที่เห็นจากราคาต่ำสุดของ S&P ในช่วงต้นปี 2018 และต้นปี 2019 เหตุใดดัชนีอ้างอิงจึงยังแตะราคาสูงสุดตัวใหม่ในช่วงที่ราคาพุ่งขึ้นในระหว่างต้นปี 2018 ถึงตุลาคม 2018 รวมทั้งช่วงเมษายน 2019 ได้

รูปแบบกราฟที่เป็นแนวกว้างออกนั้นสมบูรณ์แล้วด้วยการทะลุกรอบขาลง มีเทคนิคคือการกำหนดจุดที่เป็นราคาเฉพาะไว้ที่ขอบเขตค่าต่ำสุด ดังนั้นรูปแบบที่เกิดขึ้นจึงน่าจะบ่งชี้ว่าจะมี ความผันผวน เกิดขึ้นได้ นักลงทุนซึ่งพิจารณาจากข้อมูลพื้นฐานจึงตัดสินใจจากสภาพภูมิศาสตร์ทางการเมือง ข้อมูลทางเศรษฐกิจ และผลตอบแทน ในขณะที่นักวิเคราะห์ทางเทคนิคจะดูตามเส้นแนวโน้มเป็นหลัก

UST Yield Curve 10-Y vs 3-M

สิ่งที่ทำให้นักลงทุนมีความกังวลก็คือผลตอบแทนที่พลิกโผในวันพฤหัสบดี ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ของปีที่พันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุ 3 เดือน ให้ผลตอบแทนมากกว่าพันธบัตรรุ่นอายุ 10 ปี

ในขณะที่เราคาดว่าตลาดกำลังเป็นขาลงซึ่งแม้จะเกิดขึ้นเร็วกว่าเดิมและราคาลดต่ำลงกว่าระดับเดิม เราก็ยังไม่เชื่ออย่างสนิทใจว่าการลดลงนี้จะเกี่ยวข้องกับการฟื้นตัวในวันศุกร์เนื่องจากราคามีการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างรวดเร็ว นักลงทุนอาจมีการซื้อขายจากปฏิกิริยาตอบสนองกับสถานการณ์เท่านั้น

การกำหนดราคาในช่วงที่รอผลการเจรจาทางการค้าก็ยังไม่น่าจะทำได้ แม้ว่าจะทำให้ตลาดเกิดจุดสมดุลที่หลายฝ่ายต้องการได้ แต่ก็ยังคงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจในกลยุทธ์ทางการตลาดในครั้งนี้ว่าจะมีความยั่งยืนเพียงใด เพราะความไม่คงเส้นคงวาของธนาคารกลางก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นได้เช่นกัน

สิ่งที่พอจะเชื่อถือได้มากที่สุดคือข้อมูลทางเศรษฐกิจและผลประกอบการของภาคเอกชนที่ยังคงเข้มแข็ง เมื่อพิจารณาจากปัจจัยแวดล้อมระยะสั้นต่างๆ เหล่านี้แล้วเมื่อเราพบจุดกลับตัวที่น่าจะเกิดขึ้นได้ เราจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย