โดย Barani Krishnan
Investing.com - ภาพรวมของตลาดพลังงานและโลหะมีค่าในสัปดาห์นี้มีดังต่อไปนี้
ภาพรวมตลาดพลังงาน
Olivier Jakob จากบริษัทที่ปรึกษาด้านตลาดน้ำมัน PetroMatrix ได้เรียงลำดับเหตุการณ์ไว้เป็นอย่างดีในบันทึกของเขาเมื่อวันศุกร์ที่มีใจความดังต่อไปนี้
“ข่าวใหญ่วันพุธที่แล้วก็เกี่ยวกับความล่าช้าที่อาจเกิดขึ้นต่อการประชุมระหว่างทรัมป์และสี ส่วนข่าวเมื่อวันศุกร์ช่วงเช้าก็เผยว่าได้มีการวางโครงร่างของข้อตกลงทางการค้าแล้ว แต่พอถึงตอนเย็นกลับมีรายงานว่ายังคงมีกระแสบางส่วนจากรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ต่อต้านข้อตกลงทางการค้าดังกล่าว ดังนั้นวันนี้จะต้องมีข่าวที่ออกมาในทิศทางตรงกันข้ามจากจีนอย่างแน่นอน"
แม้ว่าเมื่อวันศุกร์ทั้งสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเวสท์เท็กซัสและ สัญญาเบรนท์ ต่างก็ประสบกับความผันผวนครั้งใหญ่ที่สุดระหว่างวันในรอบหนึ่งเดือน เนื่องจากตลาดได้เปลี่ยนแปลงมุมมองจาก "ใช่ เราจะยกเลิกภาษีศุลกากร" กลายเป็น "ไม่ ไม่ยกเลิกแล้ว" ก่อนที่จะกลับมายืนอยู่ที่ "ก็ได้ เราอาจจะยกเลิกก็ได้"
ขณะเดียวกันผู้ลงทุนที่มีมุมมองในภาวะตลาดหมีก็ต้องการให้ความสับสนอลหม่านเหล่านี้สิ้นสุดเสียที โดยมีผู้ลงทุนหลายท่านเชื่อว่าราคาน้ำมันจะกลับไปอยู่ที่ระดับ $50 ต่อบาร์เรล หรือไม่ก็ต่ำกว่านั้นอีก เมื่อประธานาธิบดีทรัมป์และสีได้ลงนามข้อตกลงทางการค้า
สงครามทางการค้าไม่ได้เป็นเพียงปัจจัยเดียวที่รบกวนจิตใจของผู้ลงทุนที่มีมุมมองในภาวะตลาดกระทิงขณะนี้
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ รายสัปดาห์ ล่าสุดที่เพิ่มขึ้นมาเป็นปริมาณมากก็เกือบต้านขาขึ้นของตลาดน้ำมันได้อยู่หมัดเช่นกัน
แต่ ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ของสำนักงานสารสนเทศพลังงานสหรัฐฯ (EIA) ที่เพิ่มขึ้นมาถึง 7.9 ล้านบาร์เรล ในช่วงเวลาเดียวกันกับที่จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบสามสิบเดือน ทำให้เกิดข้อกังขาว่ากระบวนการคำนวณปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของ EIA นั้นอาจมีข้อผิดพลาด
เท่านั้นยังไม่พอ มีข่าวหลุดออกมาว่าซาอุฯ เตรียมตัวใช้มาตรการที่เร่งรัดให้ประเทศสมาชิกกลุ่มโอเปกลดกำลังการผลิตตามเป้าหมายเดิมที่อัตรา 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวันอย่างเข้มงวดมากขึ้น แทนที่จะลดกำลังการผลิตด้วยอัตราที่มากขึ้นกว่าเดิมในเดือนธันวาคมนี้
ทว่า สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเวสท์เท็กซัส เมื่อสัปดาห์ที่แล้วกลับปิดบวก 1.9% ที่ $57.24 ต่อบาร์เรล แม้จะมีความผันผวนถึง $1.60 ในวันศุกร์ที่ผ่านมา
ทางด้าน สัญญาเบรนท์ ก็ปิดบวก 1.3% ที่ระดับ $62.51 หลังจากผันผวน $1.80 เมื่อวันศุกร์
ปฏิทินตลาดน้ำมันสัปดาห์นี้
วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน
ตัวเลขคาดการณ์ปริมาณน้ำมันดิ
วันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน
รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลั
วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังรายสัปดาห์ จาก EIA
วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤสจิกายน
ปริมาณ ก๊าซธรรมชาติคงคลัง รายสัปดาห์ จาก EIA
วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน
จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันรายสัปดาห์จาก Baker Hughes
ภาพรวมของตลาดโลหะมีค่า
ตลาดโลกยังคงสับสนกับทิศทางของการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ทว่าเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาความคาดหวังต่อข้อตกลงทางการค้ายังคงอยู่ จึงกดดันให้ราคาทองคำส่องมอบสัปดาห์ที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบสามปี
สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า สำหรับการส่งมอบเดือนธันวาคม ในตลาดโคเม็กซ์ของนิวยอร์ค เมอร์แคนไทล์ เอ็กซ์เชนจ์ ปิดลบ $3.50 หรือราว 0.2% ที่ $1,462.90 ต่อออนซ์ หลังจากดิ่งลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบสามเดือนเป็นเวลาสองวันติดกันที่ระดับ $1,457.10 และราคาทองคำรายสัปดาห์ก็ได้ส่งมอบสัปดาห์ที่ติดลบลงไปถึง 3.2% ซึ่งเป็นสัปดาห์ที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2016
“สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นสัปดาห์ที่ย่ำแย่สำหรับผู้ลงทุนตลาดทองคำอย่างมาก” TD Securities ระบไว้ในบันทึกของบริษัท “การขายด้วยระบบอัตโนมัติยังคงเป็นคำสั่งซื้อหลักในตลาด จึงทำให้สภาพคล่องของตลาดลดลงไปอีก และผู้ถือสัญญาซื้อระยะยาวจะได้รับผลกระทบทางลบอีกในอนาคตข้างหน้า"
TD Securities ได้คาดการณ์ไว้ว่าจุดคุ้มทุนโดยเฉลี่ยสำหรับสัญญาซื้อในตลาดโคเม็กซ์จะยืนอยู่ที่ $1,434 ต่อออนซ์ และคาดว่าตลาดทองคำจะได้รับผลกระทบทางลบอีกในอนาคตอย่างแน่นอน
แต่ทั้งนี้ TD Securities ยังเสริมอีกว่า ความหวังที่ราคาทองคำจะพลิกฟื้นขึ้นมาอีกก็ยังไม่ริบหรี่เสียทีเดียว