สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ยอดค้าปลีกของฝั่งยูโรโซนในเดือนเมษายนทรุดตัวลงอย่างฉับพลันที่สุดแต่ไม่มากเท่าที่คาดการณ์ไว้ หลังจากพฤติกรรมการจับจ่ายสินค้าลดลงสำหรับสินค้าแทบทุกประเภทรวมทั้งอาหารและเครื่องดื่มตลอดทั้งเดือนที่อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์
สำนักงานสถิติประจำภูมิภาค Eurostat ได้ให้ข้อมูลว่า ยอดค้าปลีกใน 19 ประเทศของฝั่งยูโรโซนในเดือนเมษายนดิ่งลง 11.7% จากเดือนมีนาคมและเมื่อเทียบปีต่อปีทรุดตัวลง 19.6%
โดยค่าที่ออกมาต่างจากผลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์ที่รวบรวมมาจากนักเศรษฐศาสตร์ที่คาดว่าจะทรุดตัวลง 15.0% และ 22.3% ตามลำดับ
การทรุดตัวลงเมื่อเทียบเป็นรายเดือนนั้นถือว่าดิ่งลงอย่างฉับพลันที่สุดในประวัติศาสตร์การเก็บข้อมูลของ Eurostat เมื่อปี 1999 ต่ำลงไปอีกจากเดือนมีนาคมที่ดิ่งลง -11.1%
ส่วนการเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบปีต่อปีถือว่าเป็นการทรุดตัวลงที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2000 และทรุดตัวลงเป็นสี่เท่าจากเดือนกุมภาพันธ์ปี 2009 ซึ่งเป็นเดือนที่ย่ำแย่ที่สุดในวิกฤตการณ์ทางการเงินเมื่อปี 2008-2009 โดยก่อนหน้าเดือนมีนาคมที่ผ่านมายอดการค้าปลีกไม่เคยติดลบเลยนับตั้งแต่สิ้นปี 2013
ข่าวดีเพียงอย่างเดียวคือยอดคำสั่งซื้อทางอีเมลและการซื้อของทางอินเทอร์เน็ตเมื่อเทียบเดือนต่อเดือนที่พุ่งสูงขึ้นถึง 10.9%