โดย Lucia Mutikani
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า อุปสงค์ที่อ่อนแอได้บีบบังคับให้องค์กรต่าง ๆ ในสหรัฐจำเป็นต้องปลดพนักงานออก ส่งผลให้จำนวนผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้จะเริ่มทยอยเปิดเศรษฐกิจแล้วก็ตาม ตลาดแรงงานจึงอาจต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะฟื้นตัวจากผลกระทบของโควิด-19
การระบาดซ้ำสองเริ่มเกิดขึ้นทั่วประเทศสหรัฐและเป็นแรงกดดันสำคัญต่อตลาดแรงงานในขณะนี้ โดยเมื่อสิ้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาได้มีจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานทั้งหมดราว 29 ล้านคน
ดังนั้นจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่จะรายงานออกมาในวันนี้จากกระทรวงแรงงานก็ไม่น่าจะออกมาดีขึ้นมากนัก
แม้บริษัทต่าง ๆ จะเริ่มประกาศจ้างงานแล้ว แต่ก็ยังมีบริษัทอื่น ๆ ที่ปลดพนักงานในอัตราที่ไล่เลี่ยกันหลังจากที่เศรษฐกิจสหรัฐได้เข้าสู่ภาวะถดถอยตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์
Gus Faucher หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก PNC Financial (NYSE:PNC) ได้แสดงความคิดเห็นว่า "มีบางองค์กรที่พยายามรักษากำลังคนเอาไว้เพื่อรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ได้กลับมาดำเนินกิจการตามเดิม" และ "แม้ว่าเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัว แต่อุปสงค์ก็ยังไม่หวนกลับมามากนัก ดังนั้นหลาย ๆ องค์กรจึงตัดสินใจว่าการจ้างพนักงานจำนวนมากเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น"
อ้างอิงจากผลสำรวจโดยนักเศรษฐศาสตร์ของรอยเตอร์สระบุว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดในวันที่ 20 มิถุนายน เมื่อปรับผลกระทบจากปัจจัยทางฤดูกาลแล้วน่าจะอยู่ที่ 1.3 ล้านราย
ห้ามพลาด
สหรัฐเดินหน้าอุ้มอุตสาหกรรมการประมงล็อบสเตอร์และอาจขึ้นภาษีจีนอีก
กราฟเด่นประจำวัน: โดยรวมทองยังขึ้นแต่รอการย่อลงมาก่อนจะดีกว่า