รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

5 เหตุการณ์สำคัญ ปฏิทินเศรษฐกิจสัปดาห์นี้ (9 - 13 ธ.ค.)

เผยแพร่ 09/12/2562 07:06
อัพเดท 09/12/2562 09:46
© Reuters.

Investing.com - ภาพรวมของห้าประเด็นหลักที่คุณควรทราบก่อนเริ่มต้นสัปดาห์นี้มีดังต่อไปนี้

  1. ผลการตัดสินใจของเฟด

คาดว่าเฟดจะ คงอัตราดอกเบี้ยไว้ดังเดิม เมื่อถึงการประชุมในวันพุธนี้ หลังจากลดอัตราดอกเบี้ยมาแล้วทั้งหมดสามครั้งในปีนี้เพื่อป้องกันมิให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลง และตัวเลข การจ้างงานนอกภาคการเกษตร ที่ออกมาดีกว่าคาดการณ์เมื่อวันศุกร์ก็ได้หนุนความคาดหวังว่าคณะสมาชิกจะไม่เปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยขณะที่รอดูทิศทางของเศรษฐกิจต่อไป

หลังจากการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคม ประธานเฟด นายเจอโรม เพาเวลล์ กล่าวว่าทั้งสภาพเศรษฐกิจและนโยบายทางการเงินในขณะนี้ "อยู่ในจุดที่เหมาะสมแล้ว" และชี้ว่าคณะสมาชิกเล็งเห็นว่าแทบไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่านี้อีก

ในวันนี้ตลาดจะได้ทราบตัวเลขชี้วัดอัตราเงินเฟ้อในราคาผู้บริโภคล่วงหน้าก่อนการประชุมเฟด ซึ่งคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ 2% ขณะที่ยอดค้าปลีกที่จะรายงานออกมาในวันศุกร์คาดว่าจะขยายตัวขึ้น 0.4%

  1. ผลการตัดสินใจของ ECB

นางคริสทีน ลาการ์ด จะเป็นผู้นำการประชุมและการแถลงข่าวครั้งแรกในฐานะประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพฤหัสบดีนี้ แม้ว่าตลาดคาดว่าไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลง นโยบายทางการเงิน หลังจากการประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของ ECB เมื่อเดือนกันยายน และหลังจากสัญญาณล่าสุดที่ชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจฝั่งยูโรโซนเริ่มพลิกฟื้นขึ้นมาแล้ว

ถึงกระนั้นตลาดก็จะจับตาคำกล่าวของนางลาการ์ดว่ามีทัศนะอย่างไรบ้างเกี่ยวกับนโยบายทางการเงิน เศรษฐกิจ และการพิจารณากลยุทธ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น จากแปดปีที่ผ่านมาที่ตลาดเคยชินกับคำกล่าวอย่างตรงไปตรงมาของนายมาริโอ ดรากี ดังนั้นวิธีการสื่อสารของผู้นำ ECB คนใหม่ก็จะเป็นที่น่าเฝ้าสังเกตด้วยเช่นกัน

  1. สถานการณ์ทางการค้ามีความยืดเยื้อ

จีนและสหรัฐฯ ต่างก็พยายามที่จะสรุปข้อตกลง 'ขั้นแรก' ที่จะยุติสงครามทางการค้าอันเป็นแรงกดดันต่อตลาดโลกและการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกที่กินเวลามากว่า 17 เดือน ทว่าถึงตอนนี้ทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถตกลงรายละเอียดกันได้

ยังเหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งสัปดาห์ก่อนจะถึงเส้นตายวันที่ 15 ธันวาคมที่สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีศุลกากรสินค้าจีนส่วนที่เหลืออีกเป็นมูลค่า 1.56 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งตลาดการเงินได้รับผลกระทบอย่างหนักจากทิศทางของสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปมาอยู่บ่อยครั้ง

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่าการเจรจาทางการค้ากับจีน "กำลังคืบหน้าไปได้ด้วยดี" สร้างแรงกระตุ้นในแง่บวกแม้ทางรัฐบาลจีนจะออกมาเน้นย้ำแล้วว่าการยกเลิกภาษีศุลกากรจีนจะต้องเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงทางการค้าขั้นแรก ทว่าในช่วงต้นสัปดาห์ที่แล้วปธน.ทรัมป์ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อตลาดโลกด้วยการเผยว่าสหรัฐฯ อาจพักการทำข้อตกลงทางการค้าไปจนถึงหลังการเลือกตั้งในปี 2020

  1. การเลือกตั้งสหราชอาณาจักร

เป็นเวลามากกว่าสามปีมาแล้วหลังจากสหราชอาณาจักรลงมติถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป โดยในการเลือกตั้งวันที่ 12 ธันวาคมนี้จะเสนอทางเลือกให้สำหรับประชาชนว่าต้องการให้ Brexit ออกมาในทิศทางไหนและจะยังต้องการให้เดินหน้าต่อไปอีกหรือไม่

ผลสำรวจความคิดเห็นที่ชี้ว่าพรรคอนุรักษนิยมมีคะแนนนำโด่งได้หนุน ค่าเงินปอนด์ แข็งค่าขึ้น ท่ามกลางความเชื่อมั่นว่าพรรคอนุรักษนิยมจะจัดการกับ Brexit อย่างรวดเร็วและยุติความคลุมเครือที่กดดันเศรษฐกิจอังกฤษมาตั้งแต่ปี 2016

หลังจากการเลือกตั้ง ตลาดจะหันไปให้ความสนใจกับระยะเวลาอีก 11 เดือนที่สหราชอาณาจักรจะต้องลงนามข้อตกลงกับสหภาพยุโรป ซึ่งน่าจะทำให้ผู้ลงทุนค่อนข้างหวั่นใจอยู่พอสมควร

  1. ความผันผวนของตลาด

ตลาดหุ้นเริ่มต้นเดือนธันวาคมด้วยการย่อตัวลงจากระดับสูงสุดในประวัติการณ์ ได้รับแรงกดดันจากคำกล่าวของปธน.ทรัมป์ที่ชี้ว่าอาจพักการทำข้อตกลงไปจนถึงสิ้นสุดการเลือกตั้งปี 2020 แต่เมื่อวันศุกร์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เด้งกลับขึ้นมาหลังจากตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐฯ ออกมาแข็งแกร่งและท่าทีที่เปลี่ยนไปของปธน.ทรัมป์



คาดว่าวอลล์สตรีทจะค่อนข้างผันผวนล่วงหน้าก่อนเส้นตายการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ในวันที่ 15 ธันวาคมนี้ โดยนักลงทุนหลายท่านเชื่อว่าราคาซื้อขายในตลาดหุ้นจะขึ้นอยู่กับว่าการเรียกเก็บภาษีศุลกากรจะเลื่อนออกไปหรือถูกยกเลิก แต่ท่าทีที่แข็งข้อของรัฐบาลสหรัฐฯ ล่าสุดก็ได้ทำให้ความคาดหวังลดลงไปบางส่วน

Keith Lerner หัวหน้านักวางกลยุทธ์ตลาดจาก SunTrust Advisory Services ให้ความเห็นไว้ว่า "จนกว่าจะมีการสรุปประเด็นทางการค้า ความเคลื่อนไหวในตลาดหุ้นรายวันจะขึ้นอยู่กับรายงานข่าวที่บ่งชี้ว่ามีความคืบหน้าหรือไม่มี"

--เนื้อหาข่าวได้รับการสนับสนุนจากสำนักข่าวรอยเตอร์

ความคิดเห็นล่าสุด

Thank you.
Good
Good !
Great report!
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย