รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

5 ประเด็นในตลาดโลกที่น่าจับตาในปี 2020

เผยแพร่ 24/12/2562 18:37
อัพเดท 24/12/2562 20:14
© Reuters.

Investing.com -- 5 ประเด็นที่คาดว่าจะส่งผลต่อตลาดการเงินโลกในปี 2020 มีดังต่อไปนี้

1. การแย่งชิงอำนาจทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนยังไม่มีแววว่าจะยุติ

สงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่สั่นสะเทือนเศรษฐกิจโลกตลอดปี 2019 นี้คาดว่าจะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะกดดันตลาดต่อไปในปี 2020 ด้วย

กองทุนการเงินระะหว่างประเทศ (IMF) ได้คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนตุลาคมว่า ภาษีศุลกากรที่มีการเรียกเก็บจากทั้งสองฝ่ายรวมทั้งปัจจัยความไม่แน่นอนต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตามมาน่าจะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจโลกเป็นมูลค่า 7 แสนล้านเหรียญสหรัฐในปีหน้า คิดเป็น 0.8% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของทั่วโลก

ทว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงอาจไม่รุนแรงเท่าที่คาดไว้ โดยเฉพาะหลังจากที่การเจรจาทางการค้ามีความคืบหน้าอย่างเห็นได้ชัดในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งจีนได้ตกลงสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเพื่อแลกกับการปรับลดภาษีศุลกากรจีนบางรายการจากสหรัฐฯ แม้ว่าจะยังไม่มีกำหนดการพิธีลงนามอย่างแน่ชัด และทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้ออกมาเผยแพร่ร่างข้อตกลงทางการค้าฉบับนี้ แต่การลดภาษีศุลกากรของรัฐบาลจีนเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ได้แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่จะมีการลงนามเกิดขึ้นจริงในช่วงต้นเดือนมกราคมนี้

ถึงแม้จะมีการลงนามทางการค้าเกิดขึ้น แต่หลังจากนั้นภาษีศุลกากรส่วนใหญ่ก็จะยังมีผลบังคับใช้อยู่ ทั้งนี้สถานการณ์น่าจะยังราบรื่นดีตราบใดที่จีนยังคงให้ความสำคัญต่อประเด็นสิทธิเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาและการสนับสนุนเงินทุนจากรัฐบาล ทว่าประเด็นการแทรกแซงกิจการภายในประเทศอื่น ๆ อาทิ ฮ่องกง เกาหลีเหนือ และไต้หวัน อาจปะทุขึ้นมาอีกได้ทุกเมื่อ

2. การเลือกตั้งปีหน้าจะสร้างแรงกดดันระยะยาวแก่เฟด

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายนปีหน้าจะเป็นแรงกดดันหลักต่อเฟดในระยะยาว

ผลสำรวจความคิดเห็นหลายแห่งเชื่อว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีโอกาสครึ่งต่อครึ่งที่จะชนะการเลือกตั้งอีกครั้ง (สมมติว่าเขารอดพ้นจากกระบวนการถอดถอนที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้) ซึ่งจะถือเป็นระยะเวลาอีกสี่ปีที่นโยบายทางการค้าและนโยบายด้านงบประมาณของประเทศจะเป็นปัจจัยหลักที่จะส่งผลต่อความเคลื่อนไหวในตลาด และเฟดจะต้องคอยรองรับผลกระทบที่ตามมาจากนโยบายเหล่านั้นไม่ว่าจะในแง่ดีหรือแง่ร้าย

ขณะนี้ เครื่องมือติดตามอัตราดอกเบี้ยเฟด ของ Investing.com ชี้ว่า อัตราดอกเบี้ยเมื่อถึงสิ้นปี 2020 น่าจะคงเดิมที่ระหว่าง 1.50%-1.75% แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าปธน.ทรัมป์จะมีการปรับเปลี่ยนนโยบายต่าง ๆ อย่างไรตั้งแต่ปัจจุบันไปจนถึงเดือนพฤศจิกายนปีหน้า

หากปธน.ทรัมป์เลือกที่จะเลี่ยงการสร้างความขัดแย้งทางการค้า อัตราเงินเฟ้อก็น่าจะสูงขึ้นท่ามกลางตลาดแรงงานที่ตึงตัวและการขาดดุลงบประมาณ 1.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

ทว่าในทางตรงกันข้าม หากปธน.ทรัมป์ต้องการสร้างกระแสในหมู่ผู้ลงคะแนนเลือกตั้งด้วยการกระทำที่รุนแรงต่อประเทศจีน (หรือสหภาพยุโรป, เม็กซิโก, แคนาดา หรือที่อื่นใดก็ตาม) เฟดก็อาจต้องลดอัตราดอกเบี้ย 'เพื่อความปลอดภัย' อีกครั้ง

ปัจจุบันเครื่องมือติดตามอัตราดอกเบี้ยเฟดของ Investing.com เล็งเห็นความเป็นไปได้รองลงมาว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยอีก 25 จุดในปี 2020

3. กาลครั้งหนึ่งในฮอลลิวูด

ลืม Star Wars ไปได้เลย เพราะปี 2020 จะเป็นปีแห่งสงครามของผู้ให้บริการสตรีมมิ่ง

ปีหน้าจะเริ่มต้นขึ้นด้วยการป้องกันตำแหน่งของบริษัทผู้บุกเบิกตลาดสตรีมมิ่ง Netflix (NASDAQ:NFLX) (NASDAQ:NFLX) ซึ่งขณะนี้มีจำนวนสมาชิกเกือบถึง 160 ล้านรายทั่วโลกและเป็นบริการแรกที่ผู้คนมักจะนึกถึงเมื่อกล่าวถึงบริการสตรีมมิ่งวิดีโอ

ทว่าบริษัทอาจถูกโค่นตำแหน่งลงจากคู่แข่งที่มีเงินทุนหนาอย่าง Apple (NASDAQ:AAPL) (NASDAQ:AAPL) และ Walt Disney (NYSE:DIS) ที่เพิ่งเปิดตัวบริการไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน โดยบริการของ Disney ที่จัดผังรายการโดยเน้นการถ่ายทอดสดการแข่งกีฬาเป็นหลักน่าจะเป็นคู่แข่งที่มีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษ เห็นได้จากที่ซีอีโอของบริษัท นาย Bob Iger ได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องมีจำนวนสมาชิกถึง 90 ล้านรายในปี 2024 และเพียงแค่วันแรกก็มีผู้สมัครสมาชิกแล้วถึง 10 ล้านราย

Comcast (NASDAQ:CMCSA) และ AT&T (NYSE:T) จะเข้าร่วมสังเวียนในปีหน้า ส่วน Peacock ของ NBCUniversal จะเปิดตัวในเดือนเมษายนและ HBO Max ของ WarnerMedia จะเปิดตัวในเดือนพฤษภาคม และเช่นเดียวกับภาคส่วนอื่น ๆ ของตลาดที่ Amazon.com (NASDAQ:AMZN) จะเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งอีกราย

ข่าวดีก็คือนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เล็งเห็นว่ายังมีพื้นที่ในตลาดเหลืออยู่มากสำหรับผู้ให้บริการอีกหลายราย แต่ข่าวที่ไม่ค่อยดีนักคือไม่มีใครทราบว่าระดับราคาเท่าใดที่จะทำให้พื้นที่ในตลาดดังกล่าวหดตัวลง

4. ตลาดน้ำมันมีแววอุปทานเกิน

ตลาดน้ำมันมีอุปสรรครอคอยอยู่ในช่วงต้นปี 2020 เนื่องจากการเติบโตของตลาดน้ำมันโลกที่ชะลอตัวลงยังคงทำให้อุปทานน้ำมันเติบโตเร็วกว่าอุปสงค์

ในต้นเดือนนี้ กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันหรือกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรอย่างรัสเซียได้มีการตกลงลดกำลังการผลิตน้ำมันมากกว่าเดิมในอัตรา 500,000 บาร์เรลต่อวันตั้งแต่เดือนมกราคมไปจนถึงเดือนมีนาคม ซึ่งทำให้เทรดเดอร์หลายท่านเชื่อมั่นว่าอุปทานน้ำมันจะยังไม่เกินในเร็ว ๆ นี้ แต่ถึงกระนั้นสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ก็ได้ออกมาชี้ว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังโลกอาจขยายตัวขึ้นในอัตราถึง 700,000 บาร์เรลต่อวันในไตรมาสแรกของปีหน้า

ประเด็นดังกล่าวได้แสดงออกมาในผลคาดการณ์ของสำนักงานสารสนเทศพลังงานสหรัฐฯ (EIA) ที่คาดว่าสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเวสท์เท็กซัสในปีหน้าจะมีราคาเฉลี่ยสูงกว่า $55 ต่อบาร์เรลเพียงเล็กน้อย และ $60.51 ต่อบาร์เรลสำหรับราคาของ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์

อ้างอิงจากผลคาดการณ์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า การเติบโตของกำลังการผลิตน้ำมันสหรัฐฯ คาดว่าจะชะลอตัวลงเหลือ 900,000 บาร์เรลต่อวันในปีหน้า ลดลงมาจากปีนี้ที่ 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวันและเมื่อปี 2018 ที่ 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งจะเป็นปีแรกในระยะเวลาอย่างน้อยสามปีที่สหรัฐฯ จะไม่สามารถรองรับอุปสงค์น้ำมันโลกได้ด้วยตนเอง โดย IEA คาดว่าอุปสงค์น้ำมันโลกจะสูงขึ้นโดยเฉลี่ย 1 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2020

5. ปัญหาทางการค้าฝั่งยุโรป

ปัจจัยความไม่แน่นอนทางการค้าจะยังคงเป็นแรงกดดันต่อเศรษฐกิจยุโรปต่อไป ทำให้ธนาคารกลางยุโรปยังไม่สามารถยกเลิกการใช้อัตราดอกเบี้ยที่ติดลบได้และจึงเป็นแรงกดดันแก่ความสามารถในการทำกำไรของระบบธนาคารในฝั่งยุโรป รวมทั้งเป็นแรงกดดันต่อ ค่าเงินยูโร ในตลาดการซื้อขายสกุลเงินต่างประเทศด้วย

ขณะนี้ยังคงมีความเสี่ยงจากสถานการณ์ทางการค้าอยู่มาก ภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจีนที่สูงขึ้นของสหรัฐฯ ได้ส่งผลต่อการลงทุนภาคธุรกิจในทั้งสองประเทศ รวมถึงการส่งออกสินค้าของยูโรโซนด้วย ทั้งนี้เห็นได้ชัดว่าสหภาพยุโรปจะเป็นเป้าหมายการโจมตีทางการค้าของสหรัฐฯ รายต่อไปหากรัฐบาลของปธน.ทรัมป์สงบศึกกับจีนล่วงหน้าก่อนการเลือกตั้งสหรัฐฯ

และสุดท้ายคือประเด็นการยุติความสัมพันธ์ระหว่างสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร โดยสหราชอาณาจักรจะถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปสิ้นเดือนมกราคมนี้ และนายกรัฐมนตรีอังกฤษ นายบอริส จอห์นสัน ได้ส่งสัญญาณว่าเขาต้องการทำข้อตกลงทางการค้าก่อนสิ้นปี 2020 ซึ่งเป็นเส้นตายของข้อตกลงการถอนตัวที่นายจอห์นสันได้กำหนดไว้ ดังนั้นปีหน้าจึงอาจมีการเจรจาเพิ่มเติมหรือมีการทำข้อตกลงทางการค้าทีละขั้นตอน เพื่อป้องกันอุปสรรคทางการค้าและอุปสรรคด้านกระแสการเงินของทั้งสองฝ่าย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นความเสี่ยงจากเหตุการณ์ดังกล่าวจะยังคงเป็นแรงกดดันต่อความเชื่อมั่นและอุปสงค์ รวมทั้งแรงกดดันต่อ ค่าเงินปอนด์สเตอร์ลิง ที่จะไต่ขึ้นมาได้อย่างยากลำบากหลังจากขาขึ้นของไตรมาสที่แล้ว

ความคิดเห็นล่าสุด

เดามั่วๆเอาเอวหมด
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย