รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

5 เหตุการณ์สำคัญ ปฏิทินเศรษฐกิจสัปดาห์นี้ (23 - 27 มี.ค.)

เผยแพร่ 22/03/2563 18:57
อัพเดท 22/03/2563 18:58
© Reuters.

โดย Noreen Burke

Investing.com - ห้าประเด็นหลักที่คุณควรทราบก่อนเริ่มต้นสัปดาห์นี้มีดังต่อไปนี้

  1. ข้อมูลเศรษฐกิจที่จะแสดงให้เห็นถึงผลกระทบช่วงแรกจากการระบาดของเชื้อไวรัส

ผู้ลงทุนหลายท่านเชื่อว่าเศรษฐกิจโลกกำลังมุ่งหน้าเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ขณะที่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกเริ่มออกมาตรการปิดประเทศมากขึ้นเพื่อควบคุมการระบาด โดยข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าจะลดลงอย่างหนักน่าจะเป็นดัชนี PMI จากสหรัฐ สหราชอาณาจักร และประเทศต่าง ๆ ฝั่งยูโรโซน

ผลสำรวจดัชนี PMI มักจัดทำขึ้นในช่วงครึ่งหลังของเดือนและผลสำรวจประเภท "Flash" ก็มักเก็บข้อมูลในช่วงเวลาหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่จะเผยแพร่ข้อมูลเช่นกัน ดังนั้นนักเศรษฐศาสตร์หลายท่านจึงเชื่อว่าดัชนี PMI ในสัปดาห์นี้จะแสดงให้เห็นภาพรวมจากผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาอย่างชัดเจนมากขึ้น

ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกที่จะประกาศออกมาในวันพฤหัสบดีนี้จะเป็นข้อมูลแรกที่แสดงให้เห็นผลกระทบอย่างเต็มรูปแบบต่อตลาดแรงงานสหรัฐ โดยนักเศรษฐศาสตร์จาก Goldman Sachs ได้คาดการณ์ไว้ว่าตัวเลขจะพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2.25 ล้านราย

  1. ตลาดรอคอยการตอบสนองจากรัฐบาลสหรัฐ

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาวุฒิสภาฝั่งรีพับลิกันและเดโมแครตต่างก็ยังร่วมมือกันเพื่อสรุปร่างนโยบายมูลค่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐที่มุ่งหมายเพื่อเยียวยาพิษเศรษฐกิจจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาให้กับพนักงานและธุรกิจต่าง ๆ

ที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว นายลารรี คุดโลว์ กล่าวว่า เขาคาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งสุดท้ายน่าจะมีมูลค่าอยู่ที่ระหว่าง 1.3 ถึง 1.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

อ้างอิงจากคำกล่าวของทำเนียบขาวระบุว่า ด้วยความร่วมมือกันระหว่างธนาคารกลางสหรัฐและรัฐบาล นโยบายที่กำลังจะเกิดขึ้นจะหนุนเศรษฐกิจสหรัฐได้เป็นมูลค่าสุทธิถึง 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

  1. การปลดปล่อยสภาพคล่องจะเริ่มชะลอตัวลงหรือไม่

ความตึงตัวของสภาพคล่องในตลาดทางการเงินได้กระตุ้นให้ธนาคารกลางสหรัฐปรับ Swap line เมื่อวันศุกร์ร่วมกับธนาคารกลางแคนาดา ธนาคารกลางอังกฤษ ธนาคารกลางญี่ปุ่น ธนาคารกลางยุโรป และธนาคารกลางสวิส

หากอยากทราบว่าการดำเนินการดังกล่าวจะมีผลลัพธ์เป็นเช่นไร ให้ดูอัตราการแลกเปลี่ยนของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐว่ามีความเสถียรหรือไม่ในสัปดาห์นี้

ความต้องการถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐได้พุ่งสูงขึ้นเนื่องจากความต้องการสภาพคล่องจากกระแสเงินสดที่สูงขึ้นท่ามกลางการระบาดที่มีความยืดเยื้อ แต่ถึงกระนั้นสภาพคล่องระหว่างอุปสงค์การซื้อดอลลาร์สหรัฐกับการเสนอขายก็ยังไม่มีความสมดุลกัน

  1. ภาพรวมของการประเมินมูลค่าหุ้นในสหรัฐอาจมีความชัดเจนมากขึ้น

ตลาดหุ้นสหรัฐยังคงสั่นคลอน และการประเมินมูลค่าของหุ้นต่าง ๆ ก็ทรุดตัวลงอย่างหนักเช่นกัน.

อ้างอิงจากข้อมูลของ Refinitiv ระบุว่า อัตราส่วนราคาต่อกำไรของ S&P 500ที่อ้างอิงจากผลคาดการณ์กำไรสำหรับปีหน้า ได้ทรุดตัวลงจาก 19 เท่าในช่วงครึ่งหลังของเดือนกุมภาพันธ์เหลือ 14.2 เท่าเมื่อวันพุธที่แล้ว และการประเมินมูลค่าได้ลดลงสู่ระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในประวัติศาสตร์

แต่ภาพรวมของการประเมินมูลค่านั้นอาจยังไม่ชัดเจน เนื่องจากการคาดการณ์ผลกำไรในช่วงนี้อาจยังไม่ครอบคลุมผลกระทบจากไวรัสโคโรนาทั้งหมด

ทว่าภาพรวมดังกล่าวอาจมีความชัดเจนขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ เนื่องจากไตรมาสแรกของปีนี้กำลังจะสิ้นสุดลงละบริษัทต่าง ๆ เริ่มเตรียมรายงานผลประกอบการแล้ว โดยล่าสุด FedEx และ Marriott ได้เพิกถอนผลคาดการณ์ทางการเงินประจำปี 2020 เนื่องจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา

Nike, Micron Technology และ KB Home เป็นหนึ่งในบรรดาบริษัทสหรัฐที่จะรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้

  1. สินทรัพย์ในตลาดเกิดใหม่

สินทรัพย์ในตลาดเกิดใหม่ล้วนทรุดตัวลงอย่างหนัก โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วสกุลเงินต่าง ๆ พากันดิ่งลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ตราสารหนี้ทรุดตัวลง และหุ้นดิ่งลงเกือบ 10% ซึ่งมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ได้แก่ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น ภาพรวมทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลง เช่นเดียวกับตุ้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นด้วย

การที่ผู้ลงทุนแห่เข้าถือครองค่าเงินดอลลาร์สหรัฐไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ จากความตึงตัวในตลาดเงินทุนดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่การเร่งทำ Swap line ระหว่างธนาคารกลางต่าง ๆ เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่แล้วก็กลับไม่ได้ช่วยเรื่องความตึงตัวของสินเชื่อซึ่งเป็นต้นเหตุของปัญหาเช่นกัน

เมื่อวันศุกร์ทั้งธนาคารกลางสหรัฐ ยุโรป แคนาดา สหราชอาณาจักรญี่ปุ่น และสวิตเซอร์แลนด์ต่างก็ตกลงที่จะเพิ่มความถี่ในการปล่อยสินเชื่อเพิ่มสภาพคล่องของเงินดอลลาร์สหรัฐเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน (Credit Facility) ที่จะเกิดขึ้นเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์

สำหรับประเทศกลุ่มตลาดเกิดใหม่แล้ว หากคณะกรรมการธนาคารกลางในประเทศไม่มีเครื่องมือมากพอที่จะช่วยหนุนสกุลเงินหรือประสบปัญหาในการลดอัตราดอกเบี้ย ก็จะต้องภาวนาให้ธนาคารกลางหลักอื่น ๆ ออกมาตรการใด ๆ ที่จะช่วยหยุดยั้งวิกฤตการณ์ทางการเงินครั้งนี้ให้ทันเวลา

--เนื้อหาข่าวได้รับการสนับสนุนจากสำนักข่าวรอยเตอร์

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย