รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

5 เหตุการณ์สำคัญ ปฏิทินเศรษฐกิจสัปดาห์นี้ (30 มี.ค. - 3 เม.ย.)

เผยแพร่ 29/03/2563 17:53
อัพเดท 29/03/2563 17:57
© Reuters.

โดย Noreen Burke 

Investing.com - 5 ประเด็นสำคัญที่คุณควรทราบก่อนเริ่มต้นสัปดาห์นี้มีดังต่อไปนี้

  1. ผลกระทบในตลาดแรงงานสหรัฐ

ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรในสหรัฐประจำเดือนมีนาคมที่จะประกาศออกมาในสัปดาห์นี้น่าจะแสดงให้เห็นถึงผลกระทบในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจสหรัฐทรุดตัวลงมากที่สุด โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าตัวเลขการจ้างงานที่จะประกาศออกมาในวันศุกร์นี้น่าจะลดลงไป 100,000 ตำแหน่ง

หากมองภาพรวมของตลาดแรงงานสหรัฐจากตัวเลขดังกล่าวแล้ว ก็อาจทำให้แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐที่สภาคองเกรสได้อนุมัติไปดูเหมือนว่าจะไม่เพียงพอที่จะโอบอุ้มเศรษฐกิจสหรัฐเอาไว้เสียแล้ว โดยในแผนการดังกล่าวประกอบไปด้วยการจัดตั้งกองทุนกู้ยืมมูลค่า 5 แสนล้านเหรียญสหรัฐเพื่อช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด และงบประมาณอีกจำนวนหนึ่งที่มีมูลค่าไล่เลี่ยกันเพื่อแจกจ่ายให้แก่ครัวเรือนอเมริกันอีกเป็นมูลค่าสูงสุด $3,000 ต่อหนึ่งครัวเรือน

ก่อนหน้าการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรในวันศุกร์ ในวันพฤหัสบดีก็จะมีการประกาศ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ที่สิ้นสุดในวันที่ 28 มีนาคม ซึ่งก็น่าจะออกมาสูงขึ้นไม่แพ้สัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่มียอดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 3.28 ล้านราย

  1. ทรัมป์ถอนคำพูดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว

ตลาดจะจับตาความเคลื่อนไหวจากทำเนียบขาวอย่างใกล้ชิดในสัปดาห์นี้ หลังจากดูเหมือนว่าปธน.ทรัมป์จะถอนคำพูดที่ได้กล่าวไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะต้องฟื้นตัวกลับมาได้ก่อนวันอาทิตย์อีสเตอร์อย่างแน่นอน

ปธน.ทรัมป์ได้กล่าวไว้เมื่อวันเสาร์ว่า เขาไม่มั่นใจว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะกลับมาดำเนินงานตามปกติได้ทันวันที่ 12 เมษายนหรือไม่ หลังจากเริ่มมีคำสั่งปิดเมืองตามรัฐต่าง ๆ ทั่วประเทศ

ปธน.ทรัมป์มีความกังวลอย่างมากต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่อาจเกิดขึ้นเพราะธุรกิจต่าง ๆ จำเป็นต้องปิดทำการนานกว่ากำหนด ก่อนหน้านี้เขาจึงได้กล่าวโทษฝั่งเดโมแครตว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐต้องเป็นอัมพาต เพื่อเป็นการลดโอกาสที่ปธน.ทรัมป์จะได้รับเลือกตั้งให้เป็นประธานาธิบดีอีกสมัยในการเลือกตั้งครั้งต่อไปวันที่ 3 พฤศจิกายนปีนี้

  1. ดัชนี PMI จากจีน

ก่อนหน้านี้ผลกำไรภาคอุตสาหกรรมจากจีนในช่วงเวลาตั้งแต่มกราคม-กุมภาพันธ์ก็ทรุดตัวลงอยู่ในระดับที่ต่ำสุดในรอบทศวรรษอยู่แล้ว ดังนั้นดัชนี PMI ที่จะประกาศออกมาในวันอังคารนี้ก็น่าจะแสดงให้เห็นถึงผลกระทบเชิงลบมากขึ้น และประเทศจีนก็ประสบปัญหาเช่นเดียวกันกับประเทศอื่น ๆ ที่มีอัตราการว่างงานเริ่มสูงขึ้นแม้จะมีการเสนอกองทุนกู้ยืมที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำให้แก่ธุรกิจต่าง ๆ ในประเทศก็ตาม

แม้ดูเหมือนว่าจีนจะสามารถควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาไว้ได้แล้ว แต่จีนก็ยังคงได้รับผลกระทบทางด้านอุปสงค์-อุปทานอยู่ดี เนื่องจากสหรัฐ ยุโรป และตลาดอื่น ๆ ทั่วโลกที่รับสินค้าส่งออกจากจีนยังคงมีจำนวนผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ

  1. ข้อมูลทางเศรษฐกิจจากยูโรโซน

ในสัปดาห์นี้จะมีการรายงานข้อมูลทางเศรษฐกิจฝั่งยูโรโซนมากมาย โดยในวันนี้จะมีการรายงาน ผลสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ประจำเดือนมีนาคมซึ่งจะแสดงให้เห็นว่าธุรกิจและผู้บริโภคฝั่งยูโรโซนประเมินสถานการณ์ขณะนี้ไว้อย่างไรบ้าง แม้ว่าจะมีการใช้มาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มงวดมากขึ้นหลังจากช่วงเวลาการเก็บข้อมูลของผลสำรวจก็ตาม

ราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลงในขณะนี้บ่งบอกว่า อัตราเงินเฟ้อ ฝั่งยูโรโซนในเดือนมีนาคมก็จะลดลงเช่นกัน ส่วน ยอดค้าปลีก และ อัตราการว่างงาน ที่จะรายงานในสัปดาห์นี้เป็นของเดือนกุมภาพันธ์ จึงยังไม่สามารถแสดงให้เห็นถึงผลกระทบเชิงลบอย่างเต็มรูปแบบจากการบังคับใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อควบคุมโรค

  1. สรุปไตรมาส Q1

แทบไม่มีใครที่ไม่ต้องการให้ไตรมาสนี้สิ้นสุดลง โดยความหวาดหวั่นต่อสงครามระหว่างสหรัฐและอิหร่านได้อันตรธานหายไปหลังจากเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา โดยนักวิเคราะห์หลายท่านจาก JPMorgan ได้คาดการณ์ไว้ว่าเศรษฐกิจโลกในไตรมาสแรกจะหดตัวลง 12% จากการทรุดตัวลงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของตลาดหุ้นทั่วโลกนับตั้งแต่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ รวมทั้งราคาน้ำมันที่ถล่มลงมาถึง 60% อีกด้วย

ตลาดอาจยังไม่คลายความกังวลเมื่อก้าวเข้าสู่ไตรมาส Q2 เนื่องจากไวรัสโคโรนายังคงแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วทั่วโลกและทำให้เศรษฐกิจส่วนใหญ่ของโลกทรุดตัวลง ดังนั้นธนาคารหลายแห่งจึงเริ่มปรับลดผลคาดการณ์ในไตรมาสที่สองเพื่อเตรียมรับมือกับความผันผวนที่จะเกิดขึ้นกับตลาดทางการเงิน

แต่ถึงกระนั้นตลาดทั่วโลกก็เริ่มส่งสัญญาณพลิกฟื้นและอาจจบ Q1 ได้ด้วยดี หลังจากรัฐบาลทั่วโลกได้ออกมาประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและธนาคารกลางทั่วโลกได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยและเริ่มต้นซื้อสินทรัพย์คืนอีกครั้ง ทั้งนี้ผู้ลงทุนจะต้องจับตายอดผู้ติดเชื้อต่อไปเพราะการระบาดจะเริ่มชะลอตัวลงเมื่อไรก็มิอาจทราบได้

--เนื้อหาข่าวได้รับการสนับสนุนจากสำนักข่าวรอยเตอร์

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย