รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

5 เหตุการณ์สำคัญ ปฏิทินเศรษฐกิจสัปดาห์นี้ (13 - 17 เม.ย.)

เผยแพร่ 12/04/2563 17:55
อัพเดท 12/04/2563 18:00
© Reuters.

Investing.com - 5 ประเด็นหลักที่คุณควรทราบก่อนเริ่มต้นสัปดาห์นี้มีดังต่อไปนี้

  1. ผลคาดการณ์เศรษฐกิจโลกจาก IMF
 
 
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) จะเผยการคาดการณ์เศรษฐกิจโลกอย่างละเอียดในวันพรุ่งนี้หลังจากการประชุม IMF และ World Bank Spring ซึ่งจะจัดการประชุมผ่านทางวิดีโอ

คริสตาลินา จอร์จีวา ประธาน IMF ได้ส่งสัญญาณเตือนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า การระบาดครั้งนี้จะทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2020 “หดตัวลงอย่างรุนแรง” และส่งผลให้เศรษฐกิจทรุดตัวลงอย่างรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในปี 1930 และคาดว่าเศรษฐกิจจะพลิกฟื้นขึ้นมาบางส่วนเท่านั้นในปี 2021

นอกจากนี้จอร์จีวาได้ระบุไว้ในคำพูดที่เตรียมไว้ล่วงหน้าสำหรับการประชุม World Bank Spring ว่าสามารถนำ "ภาพรวมทางเศรษฐกิจที่แห้งแล้ง" ไปใช้ได้กับทั้งประเทศที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจและประเทศที่เป็นผู้นำทางเศรษฐกิจ เพราะ "ทุกคนล้วนบาดเจ็บ เห็นได้จากการใช้มาตรการกักตัวที่จำเป็นเพื่อชะลอการแพร่กระจายของไวรัส เศรษฐกิจโลกจึงได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน”
  1. ข้อมูลทางเศรษฐกิจจะแสดงให้เห็นภาพรวมของพิษเศรษฐกิจมากขึ้น

นักลงทุนจะจับตาข้อมูลทางเศรษฐกิจในวันพฤหัสบดีซึ่งจะมีการรายงาน จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน อีกครั้งและคาดว่าตัวเลขจะอยู่ในหลักล้านอีก เมื่อพิจารณาจากยอดชาวอเมริกันทั้งหมดที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานในช่วงสามสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งรวมกันแล้วสูงถึง 15 ล้านคน

Daniel Zhao นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของ Glassdoor กล่าวไว้ว่า "แค่เดือนแรกเพียงเดือนเดียว วิกฤติการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาก็สร้างผลกระทบอย่างรุนแรงเกินกว่าที่จะเปรียบเทียบกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่แล้ว" และ "ภาวะปกติรูปแบบใหม่สำหรับยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานจะเป็นสัญญาณเตือนสำคัญ ที่แสดงให้เห็นถึงระยะเวลาที่ผลกระทบจะยังคงอยู่หลังจากมีชาวอเมริกันว่างงานรายใหม่เพิ่มขึ้นนับล้าน"

ทว่าปฏิทินเศรษฐกิจของสัปดาห์นี้ยังมีการรายงาน ยอดค้าปลีกสหรัฐ และ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ประจำเดือนมีนาคม ซึ่งจะช่วยให้ตลาดสามารถประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจได้จากข้อมูลทางเศรษฐกิจที่หลากหลาย ทั้งนี้คาดว่ายอดค้าปลีกจะทรุดตัวลงมากที่สุดลงสู่ระดับที่ต่ำสุดในรอบสามทศวรรษหลังจากการใช้คำสั่งปิดเมืองและรัฐต่าง ๆ และมีผู้คนหลายล้านคนที่ต้องตกงาน ส่วนผลผลิตภาคอุตสาหกรรมก็อาจลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เลยทีเดียว

  1. สมาชิกเฟดให้คำกล่าว

ประธานเฟดประจำชิคาโก นายชาร์ลส์ อีวานส์, ประธานเฟดประจำเซนต์หลุยส์ นายเจมส์ บุลลาร์ด และประธานเฟดประจำแอตแลนตา นาย ราฟาเอล บอสติก ต่างมีกำหนดการให้คำกล่าวในสัปดาห์นี้

ก่อนหน้านี้เฟดได้ลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือศูนย์ รวมทั้งเริ่มต้นโครงการซื้อพันธบัตรแบบเปิดและนำเสนอเครื่องมือเยียวยาเศรษฐกิจฉุกเฉินมากมายเพื่อขานรับพิษเศรษฐกิจจากการระบาด

ผลการประชุมเฟดที่ได้มีการเผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วแสดงให้เห็นว่า สมาชิกเฟดคาดว่าจะยังคงใช้มาตรการทางการเงินที่มีความผ่อนคลายอย่างมากเช่นนี้ต่อไปในสถานการณ์ขณะนี้ที่ "ไม่มีความแน่นอนใด ๆ ทั้งสิ้น" โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีนี้และจะยังไม่ฟื้นตัวจนถึงปีหน้า

ทั้งนี้เฟดจะเผยแพร่ รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจหรือ Beige Book ในวันพุธด้วย
  1. ฤดูกาลประกาศผลประกอบการ
 
 
ฤดูกาลการรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสแรกจะประเดิมด้วยธนาคารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดหกแห่งในสหรัฐอเมริกา ได้แก่ JPMorgan Chase (NYSE:JPM), Bank of America (NYSE:BAC) และ Goldman Sachs (NYSE:GS)

ส่วนบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเวชภัณฑ์ Johnson & Johnson (NYSE:JNJ) มีกำหนดรายงานผลประกอบการในวันพรุ่งนี้ และ Abbott Laboratories (NYSE:ABT) จะรายงานผลประกอบการในวันพฤหัสบดี

นอกจากนี้ผลประกอบการจากบริษัทผู้ค้าปลีกอย่าง Bed Bath & Beyond (NASDAQ:BBBY) ที่จะรายงานออกมาในวันพุธก็จะแสดงให้เห็นถึงผลกระทบในภาคการค้าปลีกอีกด้วย
  1. ข้อตกลงการลดกำลังการผลิตน้ำมันค้างเติ่ง

ข้อตกลงการลดกำลังการผลิต น้ำมันดิบ ครั้งใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันทั่วโลกกลับต้องค้างเติ่งเนื่องจากเม็กซิโกต่อต้านแรงกดดันจากประเทศซาอุดิอาระเบียและปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือ

การปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันมีวัตถุประสงค์เพื่อหนุนราคาน้ำมันขึ้นมาจากระดับต่ำสุดในรอบหลายทศวรรษ โดย ราคาน้ำมัน ทรุดตัวลงเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาได้ทำให้อุปสงค์การใช้เชื้อเพลิงลดลง และสงครามการหั่นราคาน้ำมันระหว่างซาอุดิอาระเบียและรัสเซียที่ทำให้เกิดอุปทานเกิน

ประธานาธิบดีเม็กซิโก นายแอนเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ ได้ปฏิเสธที่จะลดกำลังการผลิตซึ่งจะส่งผลทางลบต่อแผนการฟื้นฟูบริษัท Pemex ซึ่งเป็นบริษัทผลิตน้ำมันของรัฐ ทำให้ทั่วโลกหันมาให้ความสนใจเม็กซิโกและสร้างความไม่พอใจให้แก่ซาอุดีอาระเบียอย่างมาก

ทว่าภายหลังการหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ นายโลเปซ ออบราดอร์ก็ได้ประกาศเมื่อวันศุกร์ว่า สหรัฐได้เสนอที่จะลดกำลังการผลิตน้ำมันเพิ่มอีกเป็นอัตรา 250,000 บาร์เรลต่อวันในนามของเม็กซิโกเพื่อให้เข้าใกล้เป้าหมายการลดกำลังการผลิตน้ำมันมากขึ้น

โดยก่อนหน้านี้กลุ่ม OPEC+ ได้ตกลงกันว่าจะลดกำลังการผลิตน้ำมันในอัตรา 10 ล้านบาร์เรลต่อวัน และจะมีผลก็ต่อเมื่อเม็กซิโกให้ความร่วมมือ

--เนื้อหาข่าวได้รับการสนับสนุนจากสำนักข่าวรอยเตอร์

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย