โดย Kim Khan
Investing.com - ภาพรวมของสามประเด็นหลักที่น่าสนใจประจำวันนี้มีดังต่อไปนี้
1. ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐจะออกมาต่ำสุดในรอบ 5 ปีหรือไม่
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะรายงานยอดคำสั่งซื้อสินค้าที่มีอายุการจัดเก็บได้นานกว่า 3 ปีในเวลา 8:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (12:30 GMT)
อ้างอิงจากผลคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่ Investing.com รวบรวมมา คาดว่า ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน ของเดือนที่แล้วจะลดลง 11.9% ซึ่งจะถือเป็นการลดลงครั้งใหญ่นับตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 2014
ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดคำสั่งซื้อสินค้าประเภทยานยนต์คาดว่าจะลดลง 5.8%
ในเวลา 10:00 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะรายงานตัวเลขสุดท้ายของดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนเมษายน
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค คาดว่าจะลดลงเหลือ 68 จากตัวเลขเบื้องต้นที่เท่ากับ 71 และต่ำลงจากเดือนมีนาคมที่ 89.1
ในสมัยวิกฤตการณ์ทางการเงินครั้งใหญ่ค่าดัชนีลดลงอย่างหนักจนอยู่ที่ระดับ 50
2. Verizon เตรียมรายงานผลประกอบการ
Verizon Communications (NYSE:VZ) จะรายงานผลประกอบการในวันนี้ซึ่งปฏิทินเศรษฐกิจค่อนข้างเบาบาง
อ้างอิงจากผลคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ Investing.com รวบรวมมา คาดว่าบริษัทจะมี ผลกำไรต่อหุ้น $1.23 และคาดว่าจะมีรายได้ 3.25 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
เมื่อเริ่มมีการใช้คำสั่งล็อกดาวน์ทั่วประเทศ บริษัทก็ได้ปรับตัวเลขคาดการณ์รายจ่ายในการลงทุนเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับอุปสงค์ในการใช้เครือข่ายของบริษัทที่เพิ่มขึ้นด้วย
เมื่อวันที่ 17 มีนาคม บริษัทเผยว่าบริษัทไม่สามารถคาดคะเนผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ต่อผลประกอบการได้ แต่บริษัทกลับได้รับความเชื่อมั่นจาก Goldman Sachs (NYSE:GS) เมื่อวันที่ 1 เมษายนซึ่ง Goldman ได้จัดอันดับหุ้นของบริษัทเป็นหุ้นที่น่าซื้อ
Goldman ระบุว่า Verizon มีธุรกิจเครือข่ายไร้สายที่เสถียรและงบดุลที่แข็งแกร่ง จึงสร้างแรงดึงดูดใจต่อนักลงทุนอย่างมาก แม้ว่าบริการใช้เครือข่ายไร้สายของบริษัทจะถือเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตก็ตาม
3. จำนานแท่นขุดเจาะน้ำมันสหรัฐ
เมื่อคืนนี้ราคาน้ำมันปิดบวกอีกครั้ง และราคาน้ำมันได้ทะยานขึ้นมาถึง 65% ภายในระยะเวลาสองวัน
ในวันนี้ Baker Hughes จะรายงาน จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันสหรัฐรายสัปดาห์ ในเวลา 13:00 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (17:00 GMT)
สัปดาห์ที่แล้ว Baker Hughes ได้รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานอยู่ที่ลดลงเหลือ 438 แท่นจาก 504 แท่น
นับว่าเป็นสิ่งที่พอเข้าใจได้หากผู้ลงทุนยังคงไม่แน่ใจต่อการเข้าซื้อราคาน้ำมันเพื่อรอขาขึ้น เนื่องจากอุปสงค์และอุปทานขณะนี้มีความแตกต่างกันอย่างมากและจะยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกสักพัก โดยนักวิเคราะห์เผยว่าส่วนต่างระหว่างอุปสงค์และอุปทานขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 20 ล้านบาร์เรลต่อวัน
John Kilduff ผู้ร่วมก่อตั้ง Again Capital ได้แสดงความคิดเห็น่วา “ในความคิดของผม สัญญาซื้อขายล่วงหน้า WTI เดือนมิถุนายนจะซ้ำรอยสัญญาของเดือนพฤษภาคม" และ "มันจะถูกกดดันจนต่ำลงเรื่อย ๆ เมื่อเข้าใกล้กำหนดการหมดอายุ และเป็นไปได้ว่าจะดิ่งลงจนติดลบอีกครั้ง"