โดย Geoffrey Smith
Investing.com -- บทสรุป 5 ข้อเกี่ยวกับภาวะการลงทุนฝั่งสหรัฐ-ยุโรปในวันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคมมีดังต่อไปนี้
1. ทรัมป์เตรียมสวนกลับจีน
ประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ มีกำหนดการประกาศนโยบายใหม่เพื่อตอบโต้จีนในประเด็นเกี่ยวกับฮ่องกง ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีนยังคงระหองระแหงอย่างมาก
ทรัมป์จะแถลงข่าวในช่วงครึ่งหลังของวันนี้เพื่อประกาศมาตรการตอบโต้เอาคืนจีนที่ยับยั้งความเป็นเอกเทศของฮ่องกง รวมทั้งกระแสการละเมิดสิทธิมนุษยชนของชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมในมณฑลซินเจียงที่อยู่ทางตะวันตกของจีน
ทรัมป์อาจประกาศยุติ หรือเปลี่ยนแปลง สิทธิพิเศษด้านการค้าของฮ่องกงกับสหรัฐ เนื่องจากเป็นข้อผูกมัดอันสืบเนื่องมาจากสัญญาที่ประเทศจีนเคยให้ไว้ว่าจะรักษาอุดมการณ์ "หนึ่งประเทศ สองระบบ" ภายหลังจากกลับมาปกครองเกาะฮ่องกงที่เคยอยู่ภายใต้อาณานิคมอังกฤษในปี 1997
2. เพาเวลล์ให้คำกล่าวอีกครั้งหลังการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจ
ประธานธนาคารกลางสหรัฐ นายเจอโรม เพาเวลล์ จะให้คำกล่าวอีกครั้งในเวลา 11.00 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก และอาจแสดงทัศนะเกี่ยวกับจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐที่ยังคงสูงขึ้นอีกเมื่อวานนี้
ทว่าตลาดกลับให้ความสนใจกับจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องที่ลดลงและดูเหมือนจะเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นถึงการพลิกฟื้นของตลาดแรงงานสหรัฐ
อย่างไรก็ดี ในวันนี้จะมีการรายงานตัวเลขรายรับผู้บริโภคและรายจ่ายผู้บริโภคประจำเดือนเมษายนในเวลา 8:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก
และจะมีการประกาศตัวเลขเบื้องต้นของดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนในเวลา 10.00 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออกด้วย โดยเมื่อช่วงต้นสัปดาห์นี้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของคณะกรรมการประชุมออกมาในทิศทางที่ดีขึ้น ต่างจากที่คาดไว้ว่าจะออกมาต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
3. ตลาดหุ้นเตรียมปรับตัวลงจากการขายเพื่อทำกำไร
ตลาดหุ้นสหรัฐเตรียมปรับตัวลงในวันนี้ หลังผู้ลงทุนภาวะตลาดกระทิงเริ่มถอนตัวออกจากตลาดเพื่อจบสัปดาห์อย่างแข็งแกร่ง และหลีกเลี่ยงการถือสัญญา Long ล่วงหน้าก่อนสุดสัปดาห์นี้ที่อาจเกิดเหตุการณ์ทางการเมืองที่ไม่คาดฝันอีก
เมื่อเวลา 6:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1030 GMT) สัญญาซื้อขายดัชนี Dow Jones 30 ล่วงหน้าขยับลง 83 จุดหรือ 0.3% ขณะที่สัญญาซื้อขายดัชนี S&P 500 ล่วงหน้าปรับตัวลง 0.2% และสัญญาซื้อขายดัชนี Nasdaq 100 ล่วงหน้าติดลบ 0.2%
หุ้น Facebook และ Twitter เป็นที่น่าจับตาอีกครั้งหลังจากทรัมป์ได้เซ็นอนุมัติคำสั่งพิเศษ ที่มุ่งเป้าให้หน่วยงานทางกฎหมายจากรัฐบาลกลางใช้อำนาจเพื่อให้บริษัทเหล่านี้ออกมารับผิดชอบหากพบว่ามีการกีดกันเสรีภาพในการแสดงออก ซึ่งคำสั่งดังกล่าวเป็นอุปสรรคต่อกระบวนการทางกฎหมายอย่างมาก และ Facebook, Twitter และ Google (NASDAQ:GOOGL) ก็ล้วนออกมาวิพากษ์วิจารณ์คำสั่งดังกล่าวด้วย
4. Renault และ Nissan ลดกำลังการผลิตเพื่อรับมือกับอุปสงค์ที่ลดลง
อุตสาหกรรมผู้ผลิตยานยนต์ทั่วโลกเริ่มดิ้นรนหาทางเอาตัวรอดมากขึ้น โดยบริษัทผู้ผลิตยานยนต์ฝรั่งเศส Renault ได้ประกาศในวันนี้ว่าจะลดการจ้างพนักงานถึง 15,000 ตำแหน่ง
บริษัทได้ทำตามคำขอของรัฐบาลฝรั่งเศสซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัท ด้วยการชะลอแผนการขยายฐานการผลิตไปยังประเทศที่จะทำให้ต้นทุนการผลิตถูกลงอย่างโรมาเนียและโมรอคโค และบริษัทได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะลดกำลังการผลิตลง 20% โดยความคืบหน้าครั้งนี้ตามมาหลังจากบริษัทพันธมิตร Nissan ได้ประกาศแผ่นการลดต้นทุนที่คล้ายคลึงกัน รวมทั้งประกาศปิดโรงงานใหญ่ในเมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปนอีกด้วย
5. ราคาน้ำมันยังคงได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังที่สูงขึ้น
ราคาน้ำมันยังคงอยู่ในระหว่างการปรับฐานหลังจากปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งถึงสองสัปดาห์ ท่ามกลางความกังวลของตลาดว่าราคาน้ำมันอาจปรับตัวขึ้นเร็วเกินไป และมากเกินไปด้วย
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐที่สูงขึ้นเกินคาดเมื่อวานนี้ ได้แสดงให้เห็นถึงอุปสงค์น้ำมันที่ยังคงอยู่ห่างไกลจากระดับของปีที่แล้ว และสร้างความกังขาต่อการให้ความร่วมมือในการลดกำลังการผลิตน้ำมันของผู้ผลิตน้ำมัน
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐที่สูงขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากการนำเข้าน้ำมันโดยเฉพาะจากซาอุดิอาระเบีย
เมื่อเวลา 6:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบสหรัฐติดลบ 3.8% เท่ากับ $32.42 ต่อบาร์เรล ขณะที่สัญญาเบรนท์ปรับตัวลง 2.0% เท่ากับ $35.02