สำนักข่าวบลูมเบิร์กได้สรุปประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการสูญเสียสถานะพิเศษของฮ่องกงดังต่อไปนี้
1. ฮ่องกงได้สูญเสียสถานะพิเศษไปเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่?
กำลังดำเนินการ โดยเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายไมเคิล ปอมเปโอ ได้แจ้งไปยังสภาว่ารัฐบาลสหรัฐจะไม่ปฏิบัติต่อฮ่องกงในฐานะเขตปกครองที่เป็นเอกเทศจากจีนแผ่นดินใหญ่อีกแล้ว และในวันที่ 29 มิถุนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายวิลเลียม รอส จึงประกาศว่าสถานะพิเศษของฮ่องกงถูกเพิกถอนแล้ว
2. ผลกระทบที่เกิดขึ้นมีอะไรบ้าง
ในช่วงแรก นายปอมเปโอได้ประกาศใช้ข้อจำกัดในการตรวจลงตราสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐจากจีน และจีนจึงดำเนินการในลักษณะเดียวกันกับเจ้าหน้าที่รัฐอเมริกันด้วย จากนั้นปอมเปโอก็ได้ประกาศว่าจะยกเลิกการขายยุทโธปกรณ์ให้กับฮ่องกงซึ่งเป็นการกระทำเชิงสัญลักษณ์ที่จะส่งผลกระทบต่อกองกำลังตำรวจและหน่วยงานทางกฎหมายของฮ่องกง อีกทั้งกระทรวงพาณิชย์สหรัฐก็ได้เพิ่มมาตรการที่เข้มงวดในการส่งออกสินค้าเทคโนโลยีของอเมริกันไปยังฮ่องกง ด้วยการยกเลิกการปฏิบัติพิเศษสำหรับบางพื้นที่ อาทิ การยกเว้นใบอนุญาตการส่งออก แต่ผู้นำฮ่องกงกลับกล่าวว่าผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการกระทำเหล่านั้น "มีเพียงเล็กน้อย" ทั้งนี้อาจมีการประกาศมาตรการที่รุนแรงกว่านี้ในอนาคต และฮ่องกงยังคงได้รับการปฏิบัติแตกต่างจากจีนในอีกหลายแง่มุม เช่น การเก็บภาษี เป็นต้น
3. ทำไมจึงดำเนินการช้า
เพราะต้องขึ้นอยู่กับปธน.ทรัมป์ ว่าจะเดินหน้าเกมรุกเมื่อไร จากที่ปธน.ทรัมป์เคยข่มขู่ที่จะตอบโต้เอาคืนจีนในประเด็นเกี่ยวกับการควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา และการกดขี่ชนกลุ่มน้อยในมณฑลซินเจียง ทว่าการโจมตีจีนก็อาจส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจสหรัฐในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นข้อตกลงทางการค้าสหรัฐ-จีนที่ปธน.ทรัมป์ถือเป็นหนึ่งในความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของตนและจะส่งผลอย่างยิ่งต่อโอกาสที่จะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งถัดไป ดังนั้นปธน.ทรัมป์จึงกล่าวโต้ตอบด้วยวาจาที่รุนแรงแต่ยังไม่ได้ข่มขู่ที่จะลงโทษรัฐบาลจีนด้วยวิธีการใด ๆ เป็นพิเศษ
4. ปัจจัยใดบ้างที่ฮ่องกงและจีนต้องเดิมพัน
ขณะที่ฮ่องกงยังเป็นทางผ่านสำคัญของจีนไปยังทั่วโลก แต่ปัจจุบันนี้มูลค่าของประเทศไม่ได้เป็นปัจจัยสำคัญเหมือนในอดีตอีกต่อไป โดยในปี 2019 ตัวเลขการส่งออกของจีนผ่านฮ่องกงมีเพียง 12% เท่านั้น เทียบกับปี 1992 ที่จีนส่งออกผ่านฮ่องกงถึง 45% นอกจากนี้จีนยังไม่จำเป็นต้องพึ่งพากระแสเงินสดไหลเข้าและความรู้ความชำนาญจากต่างประเทศ และจีนเองก็ยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับการผลักดันให้เงินหยวนเป็นสกุลเงินหลักในตลาดโลกมากเท่าแต่ก่อน แต่ถึงกระนั้นฮ่องกงก็ยังมีความสำคัญ เนื่องจากฮ่องกงสามารถเปิดรับบัญชีทุนและยึดมั่นมาตรฐานสากลได้ดีกว่าเมืองใด ๆ ในจีน และจึงเป็นฐานที่ตั้งสำคัญของธนาคารต่างชาติและบริษัทการค้า ดังนั้น Steve Tsang ผู้อำนวยการของสถาบันจีน SOAS จากมหาวิทยาลัยลอนดอนได้กล่าวไว้ว่า การเพิกถอนสถานะพิเศษครั้งนี้จะ "เปรียบเสมือนระเบิดปรมาณู" และ "เป็นจุดเริ่มต้นของการล่มสลายของฮ่องกง"
5. ตลาดทางการเงินของจีนและฮ่องกงจะได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง
หากเกิดกรณีที่ย่ำแย่ที่สุด ซึ่งก็คือหากสหรัฐข่มขู่ที่จะปฏิบัติต่อฮ่องกงเช่นเดียวกับเมืองอื่น ๆ ในประเทศจีน แล้วเหตุใดบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือกับผู้ลงทุนจึงจะไม่ปฏิบัติตามบ้าง นั่นเป็นคำถามสำคัญจาก Deutsche Bank (DE:DBKGn) ที่ชี้ว่า S&P Global Ratings ได้จัดอันดับให้ฮ่องกงมีความน่าเชื่อถือมากกว่าจีนถึงสามอันดับ ขณะที่ Moody’s และ Fitch จัดอันดับให้ฮ่องกงอยู่สูงกว่าจีนหนึ่งอันดับ ดังนั้นความเสี่ยงที่เกิดขึ้นคืออันดับของประเทศจีนเองก็ลดลงเรื่อย ๆ และในอนาคตจะกดดันให้อันดับของฮ่องกงตกต่ำลงตามไปด้วย ขณะที่ผู้จัดทำดัชนีต่าง ๆ ก็อาจจำเป็นต้องพิจารณาจุดยืนของฮ่องกงใหม่อีกครั้ง ซึ่งขณะนี้ฮ่องกงยังคงอยู่ใน ดัชนีโลก MSCI ร่วมกับตลาดที่พัฒนาแล้วอื่น ๆ ส่วนตลาดจีนยังคงอยู่ในดัชนีของกลุ่มประเทศเกิดใหม่ และจึงเกิดการตั้งคำถามว่าฮ่องกงควรได้รับการปฏิบัติเฉกเช่นเดียวกับเซี่ยงไฮ้หรือเซินเจิ้นหรือไม่
เรื่องนี้ห้ามพลาด
♦กลุ่มการเมืองฮ่องกงล้มดั่งโดมิโน หลังจีนผ่าน กม. ความมั่นคง