รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

3 ประเด็นหลักที่น่าจับตาประจำวันนี้ (30 ต.ค.)

เผยแพร่ 30/10/2562 09:22
อัพเดท 30/10/2562 09:53
© Reuters.

Investing.com - ภาพรวมของสามประเด็นหลักที่น่าสนใจประจำวันนี้มีดังต่อไปนี้
1. การประชุมเฟด
ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดจะประกาศผลการพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยในวันนี้ เวลา 14:00 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (18:00 GMT)

เนื่องจากตลาดได้ลงเดิมพันไปแล้วว่าจะต้องมีการลดอัตราดอกเบี้ยอย่างแน่นอน ดังนั้นท่าทีของเฟดในคำแถลงการณ์จึงน่าจับตาเป็นพิเศษว่าเฟดจะเผยสัญญาณที่บ่งบอกว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปในปีนี้อีกหรือไม่

คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งเป็นคณะกรรมการที่มีหน้าที่ปรับอัตราดอกเบี้ย คาดว่าจะ ลดอัตราดอกเบี้ยลงไป อยู่ในช่วงระหว่าง 1.5% ถึง 1.75% จากเดิม 1.75% ถึง 2.00%

ภายหลังจากการพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ย ประธานเฟด นายเจอโรม เพาเวลล์ ก็จะ แถลงข่าว ในเวลา 14:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก

2. ตัวเลข GDP ประจำไตรมาสที่ 3 ของสหรัฐฯ , ตัวเลขจากตลาดแรงงานภาคเอกชน

ในวันนี้จะมีการรายงานตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เบื้องต้นในไตรมาสที่สาม และตัวเลขล่าสุดจากตลาดแรงงานภาคเอกชน


ก่อนหน้าการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรในวันศุกร์ จะมีการรายงานตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP ในวันนี้ เวลา 8:15 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (12:15 GMT)

โดยเฉลี่ยแล้วนักเศรษฐศาสตร์คาดว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรในภาคเอกชน ประจำเดือนตุลาคมจะเพิ่มขึ้น 120,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าเมื่อเดือนกันยายน 135,000 ตำแหน่ง

หลังจากการรายงานตัวเลขดังกล่าวเพียง 15 นาที ก็จะมีการรายงานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศเบื้องต้นประจำไตรมาสที่สามของปี 2019

อ้างอิงจากผลคาดการณ์ที่ Investing.com รวบรวมมา คาดว่าเมื่อปรับผลกระทบจากปัจจัยด้านฤดูกาลแล้ว อัตราการเติบโตในไตรมาสที่สาม น่าจะชะลอตัวลงเหลือ 1.6% จาก 2.0%
3. Facebook และ Apple เตรียมรายงานผลประกอบการ

Facebook (NASDAQ:FB) จะรายงานผลประกอบการในวันนี้หลังเวลาตลาดปิด

ในปีนี้ราคาหุ้นของ Facebook ได้ทะยานขึ้นมาแล้วถึง 44% ทว่าติดลบลงมา 9.3% จากระดับสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ที่ $208.66 ซึ่งเคยขึ้นไปแตะเมื่อเดือนกรกฎาคม

คาดว่า Facebook จะ ทำกำไร ได้ $1.90 ต่อหุ้น และคาดว่าจะมีรายได้ 1.736 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โดยผลกำไรของบริษัทน่าจะสูงขึ้นราว 7.95% จากปีก่อน และรายได้น่าจะพุ่งขึ้นมา 26.4%

Apple (NASDAQ:AAPL) ก็จะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สี่หลังเวลาตลาดปิดด้วยเช่นกัน

อ้างอิงจากผลคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่รวบรวมมาโดย Investing.com คาดว่าบริษัท จะทำกำไรได้ $2.83 ต่อหุ้น ลดลงมาเล็กน้อยจากปีที่แล้ว และคาดว่าจะมีรายได้ 6.29 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ปรับขึ้น 2.4%

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย