ภาพรวมของสามประเด็นหลักที่น่าสนใจประจำวันนี้มีดังต่อไปนี้
1. รายงานยอดค้าปลีกและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
ยอดค้าปลีกในวันนี้จะช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถเห็นภาพรวมพฤติกรรมของผู้บริโภคมากขึ้นได้ เพราะตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งได้มีส่วนช่วยหนุนให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อมากขึ้น
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ จะรายงานยอดค้าปลีกในเวลา 8:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (13:50 GMT)
นักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ไว้ว่า ยอดค้าปลีก ของเดือนที่แล้วจะเพิ่มขึ้น 0.6% และ ยอดค้าปลีกพื้นฐาน ที่ไม่รวมยอดขายสินค้าภาคยานยนต์ คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3%
และข้อมูลดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคก็จะเป็นตัวแปรเดียวที่บ่งชี้ทิศทางตลาดในวันนี้ โดยมีกำหนดการรายงานข้อมูลหลังตลาดเปิด
มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะรายงานตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นประจำเดือนพฤษภาคม ในเวลา 10:00 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (14:00 GMT)
อ้างอิงผลสำรวจที่ Investing.com รวบรวมมาจากกลุ่มนักเศรษฐศาสตร์ คาดว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค จะลดลงเหลือ 98.1 และ ดัชนีความคาดหวังของผู้บริโภค คาดว่าจะลดลงเท่ากับ 92
2. จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมัน
ในวันนี้จะมีการรายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันจาก Baker Hughes ซึ่งจะทำให้ผู้ลงทุนทราบสถานะการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ ได้ดีขึ้น และมีแนวโน้มว่าจะมีจำนวนที่สูงใกล้เคียงกับประวัติการณ์เช่นเคย
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จำนวนแท่นขุดเจาะที่สหรัฐฯ ใช้งานอยู่ในปัจจุบันลดลงไป 11 แท่น เหลือ 816 แท่น
นอกจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังภายในประเทศที่สูงขึ้นแล้ว อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกที่ชะลอตัวลงก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ราคาน้ำมันส่งมอบแดนลบ
สำนักงานสารสนเทศพลังงานสหรัฐฯ ได้ลดตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลก ขณะที่กลุ่มโอเปกก็ลดตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์จากประเทศต่าง ๆ ที่เป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) เช่นกัน
เมื่อวานนี้ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ มีราคาปิดสูงขึ้น 2.2% อยู่ที่ $52.22 ต่อบาร์เรล
3. เตรียมจับตาข้อมูลทางเศรษฐกิจจากจีน
แม้ว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนยังไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดลงโดยง่าย ผู้ลงทุนก็ต้องการที่จะทราบว่าเศรษฐกิจจีนมีการพลิกฟื้นขึ้นมาบ้างหรือไม่ ฉะนั้นข้อมูลผลผลิตภาคอุตสาหกรรม การลงทุนในสินทรัพย์คงที่ และตัวเลขการเติบโตของสินเชื่อที่มีกำหนดการรายงานเมื่อคืนนี้จึงเป็นที่น่าจับตาในวันนี้
นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ในช่วงระยะเวลา 12 เดือนที่สิ้นสุดเดือนเมษายน ขยายตัวขึ้น 5.4% ขณะที่ ตัวเลขการลงทุนภาคเอกชน จากต้นปีจนถึงวันนี้มีอัตราการขยายตัว 6.1% เช่นเดิม แต่ก็ยังใกล้เคียงกับระดับที่ต่ำสุดในประวัติการณ์เมื่อเดือนกันยายนที่ 5.3% อยู่ดี
ทางด้านประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ได้ข่มขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีศุลกากรสินค้าจีนมูลค่า 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มอีกครั้ง หากประธานาธิบดีจีน นายสี จิ้นผิง ไม่ยอมมาพบกับเขาในที่ประชุม G20 ณ กรุงโตเกียวที่จะจัดขึ้นในวันที่ 28-29 มิถุนายนนี้