หุ้นสหรัฐฯ - วอลล์สตรีททำราคาสูงสุด เพาเวลล์ส่งสัญญาณว่าอาจลดอัตราดอกเบี้ย

Investing.com – หุ้นสหรัฐฯ พุ่งขึ้นเมื่อวานนี้และทำระดับสูงสุด หลังจากประธานเฟด นายเจอโรม เพาเวลล์ ให้ความมั่นใจกับคณะส.ส.ว่า ธนาคารกลางจะทำสิ่งที่ทำได้เพื่อรักษาการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

เฟดจะ "ดำเนินการตามความเหมาะสม" นายเพาเวลล์ได้กล่าวไว้กับคณะกรรมการการเงินของสภาผู้แทนฯ สหรัฐอเมริกา ในการแถลงการณ์วันแรกจากทั้งหมดสองวันเกี่ยวกับสภาพทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ วลีนี้เป็นวลีที่เขาใช้บ่อยมากในหลายเดือนที่ผ่านมา เพราะเขาและเฟดต่างก็มีความกังวลต่อเศรษฐกิจภายในประเทศและการลงทุนด้านธุรกิจที่ชะลอตัวลง รวมถึงความไม่ลงรอยทางการค้าและประเด็นปัญหาอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อสภาพทางเศรษฐกิจโลกอีกด้วย

แต่ผู้ลงทุนชอบฟังวลีนี้ ดัชนี NASDAQ Composite ขยับขึ้น 0.75% และแตะระดับสูงสุดครั้งใหม่ในระหว่างวัน ดัชนี S&P 500 เปิดตัวอย่างก้าวกระโดด ขึ้นไปอยู่เหนือ 3,300 เป็นครั้งแรกก่อนที่จะย่อตัวลงมาปิดบวก 0.45% ต่ำกว่าราคาปิดที่เคยทำได้เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่เท่ากับ 2,995.82 เพียงเล็กน้อย ส่วนดัชนี อุตสาหกรรม Dow Jones ปรับขึ้น 0.3% และยังขึ้นไปทำระดับสูงสุดได้ในระหว่างวันที่ 26,983 ขึ้นมาถึง 200 จุดจากเมื่อวันก่อน แล้วจึงย่อตัวลงมา

ขาขึ้นของตลาดหุ้นนั้นยังตามมาด้วยขาขึ้นของราคาน้ำมันที่ทะยานขึ้นถึง 4.5% ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งเนื่องมาจากความกังวลว่าลมพายุที่อ่าวเม็กซิโกจะทำให้ต้องปิดบ่อน้ำมันนอกชายฝั่ง เพราะบ่อน้ำมันที่อ่าวเม็กซิโกสามารถผลิตน้ำมันคิดเป็น 17% จาก ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ทั้งหมด แต่อย่างไรก็ดี สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้าเวสท์เท็กซัส ปิดบวก $2.60 เท่ากับ $60.43 ต่อบาร์เรล สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ จากทั่วโลกก็ปิดบวก $2.85 เท่ากับ $67.01 ในปีนี้ราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI ได้ปรับขึ้นมาแล้ว 33% ส่วนเบรนท์ก็ปรับขึ้นมาเกือบ 25%

ทางด้านราคาทองคำก็เคลื่อนไหวอย่างแข็งแกร่งอยู่เหนือระดับ $1,400 ต่อออนซ์ ลงมาที่ $1,212.50 ต่อออนซ์ แล้วทะยานขึ้นไปสูงสุดถึง $1,600 ต่อออนซ์เลยทีเดียว

คำถามสำคัญในตอนนี้ก็คือ เฟดยังเล็งเห็นถึงความจำเป็นที่ต้องลดอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ เพราะนายเพาเวลล์เองก็ได้เสนอเหตุผลหลายประการที่ดูเหมือนจะชี้นำว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อถึงการประชุมในวันที่ 30-31 กรกฎาคมนี้ ทั้งนี้เครื่องมือติดตามอัตราดอกเบี้ยเฟดของ Investing.com บ่งชี้ว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือ 2%-2.25% จาก 2.25-2.5%. และอาจมีการลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในฤดูใบไม้ร่วงอีกด้วย