Investing.com - ภาพรวมของสามประเด็นหลักที่น่าสนใจประจำวันนี้มีดังต่อไปนี้
1. สัปดาห์แห่งการประกาศผลประกอบการ
ในวันนี้มีการประกาศผลประกอบการของหุ้นบริษัทต่าง ๆ ในดัชนี Dow ถึงสามตัวด้วยกัน
อ้างอิงจากผลคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ Investing.com รวบรวมมา คาดว่า Coca-Cola (NYSE:KO) จะ ทำกำไร ได้ 62 เซนต์ต่อหุ้น และคาดว่าจะมีรายได้ 9.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ
คาดว่า Travelers (NYSE:TRV) จะมี กำไร เท่ากับ $2.29 ต่อหุ้น และมีรายได้ประมาณ 7.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ส่วน United Technologies (NYSE:UTX) คาดว่าจะ ทำกำไร ได้ $2.05 ต่อหุ้น และมีรายได้ราว 1.95 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
ก่อนเวลาเปิดตลาดในวันนี้ก็จะมีการประกาศผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ อาทิ Lockheed Martin (NYSE:LMT), Fifth Third Bancorp (NASDAQ:FITB) และ Harley-Davidson (NYSE:HOG)
และหลังเวลาปิดตลาด Visa (NYSE:V) ก็จะรายงานผลประกอบการ โดยนักวิเคราะห์คาดไว้ว่าบริษัทจะ ทำกำไร ได้ $1.32 ต่อหุ้น และคาดว่าจะมีรายได้ 5.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ
2. คาดว่ายอดขายบ้านมือสองจะเพิ่มขึ้น
สมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติสหรัฐฯ จะรายงานยอดขายบ้านมือสองในเวลา 10.00 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (14:00 GMT).
อ้างอิงจากผลคาดการณ์โดยนักเศรษฐศาสตร์ที่ Investing.com รวบรวมมา คาดว่า ยอดขายบ้านมือสอง ประจำเดือนกรกฎาคมจะเพิ่มขึ้น คิดเป็นอัตราการเติบโตรายปีที่ 5.35 ล้านหลัง จากเมื่อเดือนมิถุนายนที่อัตรา 5.34 ล้านหลัง
เดือนที่แล้วยอดขายบ้านออกมาสูงกว่าคาดการณ์ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ลดลง ทำให้อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อลดลงตามและหนุนให้เกิดอุปสงค์ที่เพิ่มมากขึ้น
3. ตลาดน้ำมันเฝ้าสังเกตการณ์ทั้งปริมาณน้ำมันคงคลัง และสถานการณ์ในอิหร่าน
ตลาดน้ำมันในสัปดาห์นี้คาดว่าจะยังมีความผันผวนอย่างต่อเนื่อง เพราะขณะนี้ก็ยังไม่แน่ชัดว่าสหราชอาณาจักรจะดำเนินการอย่างไรต่อไปกับเหตุการณ์เข้ายึดเรือบรรทุกน้ำมันอังกฤษโดยอิหร่าน ซึ่งสหรัฐฯ เองก็ไม่มีทีท่าว่าจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือใด ๆ โดยตรงด้วย
อย่างไรก็ดี ในสัปดาห์นี้ปัจจัยพื้นฐานยังคงเป็นที่น่าจับตาอย่างใกล้ชิด
สถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกา (API) จะรายงาน ผลคาดการณ์ ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ หลังเวลาตลาดปิดในวันนี้ โดยข้อมูลนี้มีส่วนช่วยชี้วัดข้อมูลอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลสหรัฐฯ ที่จะออกมาในวันพรุ่งนี้ได้
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว API รายงานว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังรายสัปดาห์น่าจะลดลงไปราว 1.4 ล้านบาร์เรล ต่างจากตัวเลขของสำนักงานสารสนเทศพลังงานสหรัฐฯ ที่รายงานว่าปริมาณน้ำมันดิบลดลงไป 3.1 ล้านบาร์เรล