Export & trade balance in focus
• World: ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวรีบาวด์วันศุกร์พร้อมกับเงินดอลลาร์และ Bond yield สหรัฐฯที่พักตัว ภายหลังจากรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ PCE ส่งผลให้ Risk sentiment ในตลาดกระเตื้องขึ้น สะท้อนผ่าน VIX Index ที่ลงมาอยู่ ต่าสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทั่วโลกกําลังจับตาอยู่ได้แก่การอ่อน ค่าของเงินเยน ซี่งล่าสุดท่าสถิติอ่อนค่าใหม่ที่ระดับ 158.4 เยนต่อดอลลาร์ ไปแล้ว หลังจาก Bo] ยังไม่ส่งสัญญาณชัดเจนเกี่ยวกับการเข้าแทรกแซง ตลาดเงินตราในช่วงปลายสัปดาห์ก่อนแต่อย่างใดประจําเดือนมีนาคมออกมาตากว่าที่ตลาดคาดการณ์เล็กน้อย
• SET: สําหรับตลาดหุ้นไทย ยังคงถูกกดดันจากช่วง Preview งบไตรมาส 1/24 ซึ่งยังคงเป็นอีกไตรมาสที่เราเห็นการออกมาลดประมาณการกําาไร ของนักวิเคราะห์ในตลาด เมื่อมาประกอบกับ Bond yield ที่ปรับตัวสูงขึ้น จากโอกาสในการลดดอกเบี้ยที่น้อยลง (รายละเอียดด้านล่าง) ท่าให้ ในเชิงกลยุทธ์ เรายังคงแนะน่าเพียงถือครองหุ้นในส่วนเดิมต่อไป
• Factors: สําหรับปัจจัยที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่
1) รายงานตัวเลขส่งออก-น่าเข้าของไทยประจําเดือนมีนาคมในวันนี้ ซึ่งล่าสุดตลาดคาดการณ์ส่งออกหดตัวที่ 4% YoY และนําเข้าขยายตัว ที่ 6% YoY โดยเรากําลังเฝ้าติดตามว่าสินค้าที่มีสัญญาณการส่งออกที่ ดีมาก่อนหน้านี้อย่าง อาหารสัตว์เลี้ยง ทูน่ากระป๋อง น่าผลไม้ ผลไม้ กระป๋อง ซอส และถุงมือยาง จะมีโมเมนตัมที่ดีต่อเนื่องหรือไม่ หากมี ต่อ คาดส่งผลบวกกับหุ้น Top pick ในกลุ่มส่งออกของเราต่อไปทั้ง AAI, ITC, COCOCO, MALEE, PLUS, STGT, TU, XO
2) รายงานตัวเลขดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยประจําเดือน มีนาคม ที่จะออกมาในวันนี้และวันที่ 30 เม.ย.ตามลาดับ หากออกมา แย่กว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ (+1 พันล้านเหรียญฯ / +2 พันล้าน เหรียญฯ) จะส่งผลกดดันต่อเงินบาทได้ ซึ่งในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังคงพบเห็นการอ่อนค่าที่มากกว่าภูมิภาคเช่นเดิม
3) รายงานตัวเลขเศรษฐกิจรายเดือนของไทยในวันที่ 30 เม.ย. โดยมีตัว เลขที่น่าติดตามได้แก่ อุปสงค์ภายในประเทศ และปริมาณเงิน
4) รายงานตัวเลขเศรษฐกิจสําคัญทั่วโลก เช่น ตัวเลขภาคการผลิตของ จีน/สหรัฐฯ/ยุโรป ในวันที่ 30 เม.ย./1 พ.ค./2 พ.ค.ตามล่าดับ รวมถึง ตัวเลข GDP ไตรมาส 1 ฝั่งยุโรปในวันที่ 30 เม.ย. ซึ่งตลาดูคาดว่าจะ กลับมาขยายตัวเป็นบวก QoQ ได้ หลังจากก่อนหน้านี้หดตัวมา 2 ไตรมาสติด
5) การประชุม FOMC ซึ่งจะทราบผลในช่วงดึกคืนวันที่ 1 พ.ค.ตามเวลา บ้านเรา คาดว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเชิงนโยบายแต่อย่างใด ดังนั้นไฮไลท์สําคัญจะอยู่ที่การตอบคําถามของนาย Jerome Powell หลังการประชุม
• Our take: หากการประชุม Fed สัปดาห์นี้ ไม่ได้มีสัญญาณใดที่โน้มเอียง ไปในทิศทาง Dovish มากกว่าเดิม มีโอกาสที่เราอาจปรับลดสมมติฐานการ ลดดอกเบี้ยของกนง. ในปีนี้ลงอย่างเป็นทางการ จาก 2 ครั้งเหลือ 1 ครั้ง หรืออย่างน้อยที่สุด ให้โอกาส 50:50 สําหรับทั้ง 2 กรณี ซึ่งก็จะทําให้ ระดับ SET Index ที่เหมาะสมในแต่ละกรณีของเรา ถูกปรับลดลง อย่างเป็นทางการด้วยเช่นเดียวกัน
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities